
-Chapter 04-


ทางด้านพวกไลท์นิ่งในตอนนี้ได้หลบหนีจากกลุ่มยานบินของพวกรัฐบาล
ด้วยฝีมือการขับของอดีตนักบินอย่างซัสท์ แม้จะโดนรุมโจมตีหรือทางคดเคี้ยว
เขาก็สามารถพยายามหลบได้แบบเฉียดฉิว




พวกเขาได้ออกมาพบท้องฟ้าสีครามที่มองแล้วดูผ่อนคลายจิตใจ
แต่พวกเขาเองก็ไม่มีเวลามาทำอย่างงั้นเพราะกองยานยังคงไล่ตามอย่างไม่ลดละ
สุดท้ายซัสท์สามารถลอดผ่านโจมตีช่องเขาจนทำให้พวกรัฐบาลตามมาไม่ได้


ระหว่างที่พักเหนื่อยกันอยู่นั้น โทรทัศน์ในยานก็ได้เผยถึงข่าวการระเบิดที่เกิดขึ้น
เเละได้มีการแถลงการณ์จากผู้สูงอายุท่านหนึ่ง วานิลาก็ถามว่าเขาคือใคร
ซัสท์ก็บอกว่านั่นคือ กาแรนท์ ไดส์รี่ ซึ่งเป็นผู้นำของรัฐบาล
เเต่ไม่นานพวกเขาก็ถูกกำลังเสริมของรัฐบาลตามล่าอีกครั้ง




ซัสท์ได้ขับยานบินผ่านหมู่เมฆจนได้พบกับฟัลชิของโคคูนที่ส่งแสงออกมาเป็นพลังปกคลุมโคคูน
ไลท์นิ่งเลยให้ใช้แสงของฟัลชิให้เป็นประโยชน์ ซัสท์เลยบินเลียดผ่านแสงนั้นให้กองยานชนกับแสงจนระเบิดไป
แต่ซัสท์เองก็พลาดท่าจนท้ายยานนั้นโดนลำแสงเช่นกัน ทำให้ยานของพวกซัสท์ตกลงไป..



ไลท์นิ่งตื่นมาพบซากยานที่ระเบิดเเละพรรคพวกที่สลบอยู่ข้างๆ
เเต่ก็ได้มีมอนสเตอร์ออกมาจ้องทำร้าย ทำให้ไลท์นิ่งต้องไปจัดการ
วานิลาที่ตื่นตามมาเห็นไลท์นิ่งไปสู้ เลยปลุกซัสท์ให้ไปช่วยด้วย


เมื่อจบแล้ววานิลากับซัสท์ก็ขอนั่งพักผ่อนซักหน่อย
เเต่ไลท์นิ่งก็เดินหน้าด้วยความแข็งแรงจากหารที่เป็นอดีตทหาร
และเธอก็ทิ้งพวกซัสท์ไว้ที่นี่ ส่วนโฮปก็ทำท่าจะตามไป ซัสท์ก็เลยให้ไป



ซัสท์ก็ได้คุยกับวานิลา ซัสท์ก็บอกว่าตอนนี้พวกเขาเป็นศัตรูกับทั้งโคคูนเเล้ว
วานิลาก็บอกว่าอย่ายอมเเพ้ ซัสท์ก็บอกว่าเขาไม่ยอมเเพ้อยู่เเล้ว เรื่องแบบนี้ขนาดเด็กอมมือยังรู้เลย
วานิลาก็งอลและบอกว่าเธอไม่รุ้หรอก เพราะเป็นเด็กนี่ล่ะ
แล้วพวกซัสท์ก็ได้เวลาตามพวกไลท์นิ่งไป เเต่สะพานเจ้ากรรมก็ดันพังไป
ทำให้พวกซัสท์ต้องอ้อมไปอีกทาง..

-วันที่11 งานเทศกาลดอกไม้ไฟที่ โบดัม-

ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังตื่นตาตื่นใจในความสวยงามของดอกไม้ไฟอยู่นั้น
วานิลาที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนนี้ก็ได้วิ่งเหมือนหาใครซักคนที่เธอพลัดหลงไป
เเต่เมื่อเธอก็ได้พบกับดอกไม้ไฟที่สวยงาม เธอก็ได้ทำมือเป็นสัญลักษณ์บางอย่างและอธิษฐานกับดอกไม้ไฟ
ในวันนี้เอง ไลท์นิ่งก็ได้มาที่งานนี้ในฐานะหน่วยรักษาความปลอดภัยเหมือนกัน หัวหน้าอารมณ์ดีของเธอก็ได้มาทักเธอด้วยความอารมณ์ขัน
และเรียกไลท์นิ่งด้วยชื่อ "สิบโทฟารอน" หรือนี่จะเป็นชื่อจริงๆของไลท์นิ่งกันนะ?


ไลท์นิ่งก็พูดคุยกับหัวหน้าในแบบฉบับสบายๆของเธอเวลาที่คุยกับหัวหน้า
เเต่หัวหน้าก็บอกให้เธอกลับไปเลยก็ได้ เพราะตอนนี้
รอบๆได้มีทหารPSICOMมาคอยควบคุมเหมือนตามหาอะไรบางอย่างอยู่
ไลท์นิ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องผู้รุกรานจากพัลส์
และหัวหน้าก็เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อผ่อนคลายด้วยเรื่องฉลองวันเกิด21ปีของไลท์นิ่งในวันพรุ่งนี้


ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน โฮปได้ตามไลท์นิ่งมาเเละได้พูดคุยกัน
และไลท์นิ่งก็เล่าถึงวันที่เกิดเหตุบางอย่างจนต้องมีการส่งผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไปยังโลกพัลส์


-วันที่13-




ในวันนั้นผู้คนธรรมดาที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องผู้บุกรุกเลย
ได้ถูกจับมาขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ ถึงแม้จะมีคนพยายามหลบหนี
เเต่ก็โดนทหารPSICOMยิงทิ้งอย่างไม่ลังเล
ซึ่งไลท์นิ่งก็ได้มาที่นี่เเละขอไปด้วย โดยเธอยอมยกอาวุธให้อยู่ในการดูเเลของPSICOM
ทั้งนี้เพื่อเธอจะช่วยเซร่าห์ที่อยู่ในโบราณสถาน และที่นี่เองเธอก็ได้เจอกับซัสท์ที่ลอบด้วยมาเช่นกัน
โฮปได้ฟังเรื่องทั้งหมดเเล้วเขาก็รุ้สึกทึ่งในตัวไลท์นิ่ง ซึ่งผิดกับตัวเขาที่อ่อนเเอมาก


"เพื่อช่วยน้อสาว เเม้ตัวเองจะต้อง... สุดยอดเลยนะครับ ถ้าเป็นผมไม่มีทางทำได้เเน่"
"ทำได้หรือไม่ได้มันไม่ใช่ปัญหาหรอก ถ้าต้องทำแล้ว..ก็มีเเต่ต้องทำเท่านั้น"
"เพราะแข็งแกร่งถึงพูดแบบนั้นได้น่ะสิครับ.."


ไลท์นิ่งเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าเเสดงความอ่อนเเอให้เห็น
เธอก็ทิ้งไปโดยการกระโดดไต่ซากเหล็กตรงหน้าขึ้นไปบนหน้าผาสูงชนิดที่ว่าคนทั่วไปไม่มีทางทำได้
โฮปที่ตามไปไม่ได้ ก็ได้เเต่นั้งท้อใจเเละนึกถึงเเม่


ซักพักต่อมาพวกซัสท์ก็ได้มาเจอโฮปเเละถามถึงไลท์นิ่ง และโฮปก็เริ่มหมดความอดทนอีกครั้ง
วานิลาก็บอกให้เขามาพยายามด้วยกัน จะได้กลับบ้านได้
โฮปก็คิดว่าถึงจะกลับไป เเต่เขาก็ไม่ได้กลับไปพร้อมเเม่อีกเเล้ว


-วันที่11 งานเทศกาลดอกไม้ไฟที่ โบดัม-
ในวันนี้เองก็เป็นอีกวันที่โฮปเเละเเม่ของเขาอยู่ในช่วงท่องเที่ยว
โฮปก็ถามเเม่ของเขาว่าขอพรอะไร เเม่ของเขาก็บอกขอให้ปีหน้าให้พ่อมาเที่ยวด้วยกัน
โฮปก็ทำท่าไม่พอใจเล็กน้อย เเละบอกว่าเขาไม่ต้องมีพ่อก็ได้
และในคืนนั้นเองที่รัฐบาลได้เจอตัวลูชิของพัลส์
ทำให้พวกเขาไม่ได้กลับไปที่ เมืองพาลุมโพลุม
และจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นและสโนว์ก็เป็นคนที่ทำให้เเม่ของเขาต้องจากไป

วานิลาก็พยายามชวนโฮปให้มีกำลังใจกลับบ้าน เพราะคุณพ่อของโฮปก็คงเป็นห่วงอยู่
โฮปก็ไม่พอใจเเละคิดว่าพ่อคงไม่ห่วงเขา เเต่ซัสท์ก็พูดว่าพ่อน่าจะเป็นห่วงอยู่
เหมือนกับเขาก็เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเหมือนกัน..

แล้วซัสท์ก็ไปสับสวิตย์เครื่องยนตร์เเถวนั้นเพื่อดึงซากเหล็กของอีกฝั่งมาให้เป็นทางขึ้นได้
เเละซัสท์ก็พูดให้กำลังใจโฮปให้กลับบ้านให้ได้เช่นกัน


พวกซัสท์เดินทางมาจนพบกับซาก"เรือ"ที่มาจากพัลส์ในอดีต
ในอดีตที่เกิดเหตุการณ์ร้ายเเรงขึ้น นอกจากนั้นบริเวธรอบๆยังมีอาวุธจากพัลส์
หลงเหลืออยู่มากมาย จากเรื่องนี้คงทำให้คนคิดว่าลูชิจากพัลส์เป็นศัตรู
และพวกซัสท์ก็ตามไลท์นิ่งมาจนทันและได้พบกับอาวุธเครื่องจักรของพัลส์


เมื่อชนะกันได้เเล้วซัสท์ก็บ่นๆเล็กน้อยที่ไลท์นิ่งไม่สนใจศัตรู เอาเเต่ลุยลูกเดียว
ไลท์นิ่งก็บอกว่าศัตรูก็คือศัตรู ขอให้ไม่ทำผิดก็พอ
โฮปก็ถามว่าถ้ารู้ว่าเป็นการเลือกที่ผิดจะสู้มั้ย เเต่ไลท์นิ่งก็บอกว่าเพราะเธอสู้เเบบนี้ทำให้รอดตาย


และพวกไลท์นิ่งก็ได้มาพักที่ซากเรือ ไลทท์นิ่งก็บอกกับซัสท์ว่า
เป้าหมายต่อไปของเธอคือมหานครลอยฟ้า เอเด็น
ซึ่งซัสท์ก็ตกใจเพราะนั่นเป็นศูนย์กลางของรัฐบาล
เเต่ไลท์นิ่งก็ไม่กลัว เเละเธอยังบอกว่าเมื่อเป็นลูชิเเล้วก็ไม่มีที่ให้หนี
เเละในเมื่อเป็นศัตรูของโคคูนเเล้วก็ต้องสู้กับพวกรัฐบาล
เเล้วเธอก็พูดถึงเซร่าห์ว่าทำไมพวกรัฐบาลต้องตามล่า
นั่นก็เพราะมีคนคอยชักนำเเละชี้ทางมนุษย์อย่างฟัลชิ หรือก็คือ ฟัลชิเอเด็น
สรุปเเล้วไม่ว่าจะฟัลชิของพัลส์หรือฟัลชิของรัฐบาล มนุษย์ก็ถูกปกครองด้วยสิ่งนี้อยู่ดี




ไลท์นิ่งก็เลยบอกว่าหนทางของเธอคือทำลายมันซะ ซัสท์ได้ยินอย่างงั้นก็ยิ่งเครียด
เเละพยายามพูดว่าไม่มีทางทำแบบนั้นได้ วานิลาก็พยายามเตือนว่าหน้าที่ที่เซร่าห์บอกมาคือให้ปกป้องโคคูน
เเต่ไลท์นิ่งก็บอกว่าหน้าที่นั้นไม่เกี่ยวกันเเละ"ทางเดินชีวิตของตัวเองก็ต้องกำหนดด้วยตัวเอง"
จากความไม่ยอมเเพ้ของเธอ เธอก็บอกทุกคนว่าไม่ต้องห่วง เพราะศัตรูคือรัฐบาล
เธอไม่ได้คิดจะทำลายโลก "ไอ้บ้านั่น" มันก็อาจจะมาห้ามไว้ หรือไม่ก็เเม้เเต่พวกซัสท์ก็ตาม
เเล้วไลท์นิ่งก็เดินจากไป.. โฮปเองก็บอกว่าสโนว์ก็เป็นศัตรูของเขา เเละเขาก็ตามไลท์นิ่งไป


วานิลาก็ได้เห็นว่าตอนนี้พวกของเธอได้ยึดติดอยู่กับความสิ้นหวังและเริ่มเเตกเเยกกัน
ถึงเธอจะเก่งเพียงใด เเต่ในตอนนี้เธอก็คงทำให้ทุกคนกลับมารวมกันไม่ได้
ซัสท์เองก็ไม่รุ้จะทำยังไงดีเหมือนกัน วานิลาเห็นซัสท์ซึมๆไป เธอเลยตบหลังซัสท์เพื่อให้ร่าเริงขึ้น


ทางด้านโฮปที่ตามไลท์นิ่งมา เขาก็ขอตามไลท์นิ่งไปด้วย
เเต่ไลท์นิ่งบอกว่าเธอไม่มีเวลามาปกป้องโฮป โฮปก็บอกว่าเขาจะไม่อ่อนเเอเเละจะสู้ด้วย
ไม่ทันไรพวกทหารPSICOMจำนวนหนึ่งก็ได้มาเจอพวกเขา
เเละได้ระเบิดทางข้างหลังจนไม่สามารถถอยกลับได้


พวกซัสท์ที่ตามมาทีหลังก็รู้สึกได้ว่าพวกไลท์นิ่งเจอกับพวกรัฐบาล
วานิลาก็เลยชวนซัสท์หนี ซัสท์ก็คิดว่าพวกไลท์นิ่งคงไม่เป็นไรเเน่
ทั้งสองคนก็เลยหนีกันไปอีกทาง..


แต่ในระหว่างที่พวกไลท์นิ่งเดินทางกันอยู่นี้ ในใจเธอกลับคิดเเต่เรื่องสุ้เเละศัตรู
ทำให้เธอดูเเปลกไป เมื่อระหว่างทางโฮปรู้สึกเหนื่อยล้า เธอก็ต่อว่าโฮปเหมือนไม่อยากให้ตามเธอมา
เเละไลท์นิ่งก็ทรุดลงไป หลังจากที่เธอต่อว่าโฮปอยู่ซักพักก็ได้มีสัญลักษณ์บางอย่างขึ้นมารอบๆตัวเธอ


อสูรอัศวินผู้แกร่งกล้า โอดิน ได้ออกมาจากสัญลักษณ์วงแหวนรูปดอกกุหลาบของไลท์นิ่ง
เเละมันก็ได้พุ่งเข้าไปทำร้ายโฮป เเต่โชคดีที่ไลท์นิ่งเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน
เเละทำให้พวกเขาต้องช่วยกันต่อสู้


ในที่สุดไลท์นิ่งก็สามารถควบคุม โอดิน ลงได้
เเละโปก็เห็นว่าสัญลักษณืลูชิของไลท์นิ่งที่ส่องเเสงออกมาจากอกซ้ายนั้นเปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นพลังเวทย์อัญเชิญอย่างนึงของลูชิที่สามารถเรียกอสูรออกมาได้
เเต่ไม่ทันได้พักหายใจหายคอเท่าใหร่นัก ไลท์นิ่งก็จัดสินใจเดินทางต่อทันทีโดยไม่สนใจโฮป



"คือว่า..ผมเป็นตัวถ่วงจริงๆสินะครับ"
"..........."
"ผมจะพยายามครับ! เพราะงั้น.."
"พอที.."
"..........."
"อยากฝึกให้เก่งขึ้นไม่ใช่เหรอ.."
"?"
"เมื่อกี๊น่ะ.. ขอโทษนะ"
เเล้วโฮปก็รีบเดินตามไลท์นิ่งไป


หลังจากเดินทางกันมานาน ไลท์นิ่งก็ได้ให้โฮปที่เหนื่อยล้าพักข้างทาง
หลังจากเธอไปลาดตระเวนกลับมาเเล้ว เธอก็พบว่าโฮปนั้นพลอยหลับไปเเล้ว
เธอจึงนั่งพักที่ฝั่งตรงข้าม

"แม่ครับ.."

ไลท์นิ่งแอบหัวเราะเล็กน้อยที่เห็นโฮปละเมอถึงเเม่
"ใครเป็นเเม่กันนะ.."

เเต่ไลท์นิ่งที่เห็นเด็กน้อยที่พยายามมานานได้ถึงขนาดนี้
เธอก็ตัดสินใจพักผ่อนโดยไม่ว่าอะไร


ทางด้านพวกซัสท์ วานิลาเองก็เป็นห่วงพวกโฮปเหมือนกัน
เเต่ซัสท์บอกว่าทางที่พวกไลท์นิ่งนั้นจะไปที่เมือง พาลุมโพลุม
เพราะงั้นคงพาโฮปไปส่งถึงบ้านได้หายห่วง
แล้วทั้งคู่ก็คุยกันไปจนถึงเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจโลกพัลส์เพราะเห็นว่าเป็นสถานที่ที่น่ากลัว
เเต่ซัสท์ก็รู้สึกว่าวานิลาเงียบไปเหมือนเขาพูดอะไรไม่ดี เขาเลยขอโทษเธอ
เเต่วานิลาก็ทำตัวร่าเริงเหมือนปกติเเล้วพาซัสท์เดินทางไปกันต่อ


เเละเเล้วทั้งคู่ก็ได้ตัดสินใจพักบริเวณเนินผาข้างน้ำตก
วานิลาได้เอาเศษร่มชูชีพจากซากเครื่องบินข้างทางมาใช้ปูนอน
เเละยังหยิบไม้มาขีดเส้นเเดนห้ามให้ซัสท์เข้ามาด้วย

"ยัยบ๊องเอ๊ย.. =A="
"ฮิฮิ ราตรีสวัสดิ์จ้ะ!"

เเล้วซัสท์ก็นอนลงโดยเว้นระยะจากเส้นเขตเเดนของวานิลา

เเต่เมื่อนอนไปซักพักเขาก็รู้สึกว่าวานิลาได้ออกมานอนพิงหลังของเขาที่อยู่นอกเส้น
เเถมเธอยังร้องไห้เหมือนกับนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างอยู่

".....เด็กจริงๆเลยนะ.."



ณ น่านฟ้ายามเช้า สโนว์ได้อยู่บนยานลำหนึ่งกับ ฟาง ผู้หญิงที่จับเขามา
สโนว์ได้พูดถึงสัญญาที่เหมือนกับพวกเขาจะตกลงกันไว้
และยานของพวกเขาก็ได้ไปเข้าเทียบท่ากับยานของกำลังลำยักษ์ ลินด์บลัม

สโนว์ถูกควบคุมตัวมาภายในยาน เเละเขาก็ได้พบกับผู้ควบคุมกองกำลังเเห่งนี้
"คุณเองเหรอ? สโนว์"
"..........."
"ผมคือ ซิด เรนส์ หัวหน้ากองกำลังเเห่งนี้"
ซิดเเนะนำตัวเเละยื่นมือไปขอจับมือสโนว์ที่โดนคุวบคุมตัวอยู่

"ขอบคุณสำหรับการคุมตัวเป็นอย่างดีละกันนะ"
"ขอโทษที พอดีผมอยากฟังเรื่องของคุณนิดหน่อยน่ะ"


และสโนว์ก็ได้เห็นเซร่าห์ที่เป็นคริสตัลถูกพาตัวไป แต่เขาก็ถูกฟางไว้ไม่ให้เข้าไปหา
และซิดก็อยากให้เขาช่วยทำอะไรอบางอย่างเพื่อโคคูน
เเต่สโนว์ไม่พอใจกับเรื่องต่างๆ ทั้งการส่งคนไปที่พัลส์หรือเรื่องที่บอกว่าลูชิเป็นศัตรู
ซิดก็บอกว่านั่นเป็นฝีมือของรัฐบาล รวมถึงตอนนี้ผู้นำก็ได้ทำการเปิดเผยตัวตนของลูชิไปเเล้ว


สโนว์ยิ่งโมโหมากขึ้นเเละพยายามขัดขืน เเต่เขาก็ถูกฟางถีบจนล้มไป
เเต่สโนว์ก็ยังโวยวายเรื่องที่เขาโดนจับตัวอยู่แบบนี้
ซึ่งซิดก็หวังว่าสโนว์จะให้ความร่วมมือ ก่อนที่เขาจะเดินจากไป

-วันที่7 ที่เมืองโบดัม-


เซร่าได้พูดคุยกับสโนว์เพื่อขอให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาเเละเธอจะพบกัน
สโนว์ที่ทำท่าจริงๆเล่นๆอยู่ซักพักก็ขอให้เซร่าบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่
แล้วเซร่าก็ถอดผ้าที่พันเเขนออกให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของลูชิ


"ดูสิ.. สิ่งที่พัลส์ทำ.. ทำให้กลายเป็นลูชิ"
"อ่ะ..!?"
"ศัตรูของโคคูน.. ศัตรูของมวลมนุษย์.."

สโนว์ทรุดลงกับพื้นเพราะเขาไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น

"เเค่นี้ก็เข้าใจเเล้วใช่มั้ย? ฉันเป็นศัตรูของเธอไงล่ะ.."

"ลาก่อนนะ.."


เซร่าบอกลาสโนว์ก่อนที่เธอจะวิ่งร้องไห้จากไป
สโนว์ที่อึ้งอยู่นานก็ได้รู้สึกตัวเเละตามเซร่าไป



และสโนว์ก็ได้ไปพบเซร่าอยู่ที่สะพานริมทะเล
เขาได้บอกเซร่าหาหน้าที่ของลูชิให้พบ เเละเขาจะช่วยด้วย
แต่ถึงเม้สโนว์จะรบเร้าเพียงใด เซร่าก็ปฎิเสธเพราะไม่อยากให้สโนว์มาพัวพันด้วย
และเธอก็ไม่รุ้ด้วยว่าหน้าที่ของเธอคืออะไร สโนว์จึงเข้ามากอดให้กำลังใจเธอ

"ชั้นจะต้องช่วยให้ได้.. และจะปกป้องเธอตลอดไป"


"หาหน้าที่ให้เจอ แล้วมาช่วยกันทำเถอะ"
"........"
"นะ!"
"อืม!!"


เซร่าโผเข้ากอดสโนว์ เเต่เธอก็พูดถึงเส้นทางสุดท้ายของนิทานว่า
ถึงเเม้จะทำสำเร็จเเต่สุดท้ายก็ต้องเป็นคริสตัล สโนว์ก็พยายามพูดปลอบใจว่ามันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น
แล้วทั้งคู่ก็กอดกันท่ามกลางอาทิตย์ตกดินอีกครั้ง

"พวกเรา.. จะอยู่ด้วยกันตลอดไป!"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น