[Spoil] Cinderella Girls Comic Ep.02

- Cinderella Girls 02 -
การตามตื๊อของโปรดิวเซอร์หน้าโหด
กับสาวขายดอกไม้ผู้เย็นชา ที่ตามหาบางสิ่งบางอย่างมาเติมเต็ม




หลังจากที่ อุซึกิ ได้ตกลงเข้าร่วมเป็นไอดอลในซินเดอเรลล่าโปรเจ็คต์
ในช่วงนี้โปรดิวเซอร์จึงให้อุซึกิคอยหมั่นฝึกซ้อมเพื่อรอสมาชิกอีก 2คนที่เหลือ
ซึ่งอุซึกิก็เข้าใจว่าเธอต้องพยายามเพิ่มความสามารถของตัวเองจนกว่าจะได้เจอทุกคน
เพราะอุซึกิในตอนนี้ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก...



และในช่วงนี้เองที่โปรดิวเซอรืได้พยายามไปทาบทาม ริน
สาวขายดอกไม้ที่โปรดิวเซอร์พยายามชวนให้เธอมาเป็นไอดอล
แต่แม้รินจะบอกว่าไม่สนใจไปแล้ว โปรดิวเซอร์ก็ยังคงมาตามตื๊อไม่เลิก
ทำให้รินต้องพยายามทำเป็นไม่สนใจและเดินหนีไปทุกครั้ง



เมื่ออยู่ที่บ้าน รินก็ยังคงใช้เวลาช่วยเหลืองานขายดอกไม้เหมิอนปกติ
ซึ่งลูกค้าในวันนี้ก็ได้มาทักทายริน และถามไถ่สารทุกข์สุขดิบจากที่ไม่ได้เจอกันนาน
ซึ่งรินในตอนนี้ก็เป็นเด็กสาวม.ปลายแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้เลือกเข้าชมรมอะไร
ทำให้รินถูกบอกว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่สนุกที่สุด
ถ้ารินหาสิ่งที่ต้องการทำเจอได้ก็น่าจะดี



แม่ของรินได้มาขอบคุณรินที่ช่วยเหลืองานในวันนี้
แต่แม่ของรินก็ยังอดไม่ได้ที่จะทักเรื่องที่รินชอบทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรอยู่เสมอ
แม่ของรินจึงบอกว่าถ้ารินลองยิ้มออกมาบ้างก็น่าจะน่ารักมากแท้ๆ
และเมื่อ ฮานาโกะ สุนัขที่รินเลี้ยงไว้ได้มาอ้อนเหมือนอยากให้พาไปเดินเล่น
แม่ของรินก็เลยเสริมต่ออีกว่าจะช่วยงานบ้านก็ดี แต่ก็อยากให้รินได้ทำในสิ่งที่ชอบด้วย
เพราะรินเอาแต่ช่วยงานที่บ้าน และดูไม่มีจุดหมายหรือเรื่องที่อยากทำเลย



เช้าวันต่อมา รินได้ไปโรงเรียนกับเพื่อนๆ
แต่ประเด็นในยามเช้าวันนี้กลับเป็นเรื่องของ โปรดิวเซอร์หน้าโหด
ที่ช่วงนี้มาคอยตามตื๊อรินอยู่ทุกวี่ทุกวัน ซึ่งรินก็เริ่มเบื่อหน่ายเต็มทน
กับการที่ต้องย้ำแล้วย้ำอีกว่าเธอไม่สนใจในการเป็นไอดอล
ส่วนเพื่อนๆของรินก็ดูจะสนใจปนสนุกสนานกันว่าวันนี้โปรดิวเซอร์จะมาอีกรึเปล่า



แล้ววันนี้ก็มาอีกจริงๆ...



โปรดิวเซอร์พยายามตามตื๊อรินวันแล้ววันเล่า
เพราะเขาอยากขอให้รินได้ลองเปิดใจคุยกันซักครั้งก็ยังดี
แต่รินที่คิดว่าคุยไปก็ไม่มีความหมาย จึงได้พยายามทำเป็นไม่สนใจไปตลอด
แต่เมินหนียังไงก็ยังหนีไม่พ้นซะที ทำให้รินเองก็เริ่มเหนื่อยใจจนไม่รู้จะทำยังไง
จนเกิดความคิดขึ้นมาแว้บหนึ่งว่าเธอจะเรียกตำรวจมาจับซะเลยดีรึเปล่า...

ในระหว่างที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้น
เพื่อนๆของรินก็ได้มาชวนรินคุยเรื่องการตัดสินใจเข้าชมรม
ซึ่งเพื่อนๆได้มาชวนรินเข้าชมรมดนตรีด้วยกัน เพราะรินมีเซ้นส์ทางด้านดนตรีที่ดี
แต่ไม่ว่าจะเรื่องชมรมหรือการเป็นไอดอล รินก็ไม่ได้มีความสนใจเลยซักอย่าง
กลับกันแล้ว รินคิดว่าทุกคนนั้นได้พบและเริ่มต้น "บางสิ่งบางอย่าง" ของตัวเองกันทั้งนั้น
แต่มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ที่ยังค้นหาบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่พบเลย

และในระหว่างที่รินกำลังครุ่นคิดอยู่คนเดียวนั้นเอง...




เมื่อรู้สึกตัวอีกที โปรดิวเซอร์ก็ได้มายืนอยู่ข้างๆแล้ว...




แต่แล้วความคิดชั่ววูบของรินก็เป็นจริงโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อมีตำรวจได้มาขอให้โปรดิวเซอรืไปคุยกันที่โรงพัก
จากการกระทำของโปรดิวเซอร์ที่กลายเป็นคนน่าสงสัยในช่วงนี้
และยังถูกเข้าใจผิดไปคนละเรื่องว่าเป็นพวกวิ่งราวที่มีคดีในช่วงนี้ด้วย



แต่ก่อนที่โปรดิวเซอร์จะโดนหิ้วตัวไปก้าวแรกสู่ซังเต
รินก็ต้องถอนหายใจ และรุ้สึกว่าจะให้เรื่องมันเลยเถิดมากกว่านี้ไม่ได้
เธอจึงยอมช่วยเหลือโดยการอธิบายความจริงให้ตำรวจฟัง



จนแล้วจนรอด ในที่สุดรินก็ต้องยอมมานั่งคุยกับโปรดิวเซอ์จนได้
ซึ่งโปรดิวเซอร์ก็ได้ขอโทษรินที่เขาสร้างปัญหาให้ แต่รินก็บอกว่าไม่เป็นไร
เพราะเธอก็ไม่อยากรู้สึกผิดว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้โปรดิวเซอร์โดนจับเหมือนกัน



รินได้ยอมอ่านเอกสารของซินเดอเรลล่าโปรเจ็คต์ทั้งหมดแล้ว
แต่รินก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโปรดิวเซอร์ถึงได้เลือกเธอเป็นไอดอล
โปรดิวเซอร์จึงบอกว่าเขาเลือกรินเพราะ "รอยยิ้ม"
รินจึงแปลกใจมากและสงสัยว่าเธอเคยไปยิ้มให้โปรดิวเซอร์เห็นตอนไหนรึไง
แต่โปรดิวเซอร์ก็ตอบกลับสั้นแค่ว่า เปล่า ตอนนี้ยัง...



เมื่อเจอคำตอบที่ดูไร้เหตุผลของโปรดิวเซอร์
รินก็ทนไม่ไหวและจะขอตัวกลับ แต่โปรดิวเซอร์ก็พยายามรั้งรินไว้ 
และถามว่า ตอนนี้รินสนุกอยู่รึเปล่า เพราะโปรดิวเซอร์ได้มองดู
และรู้สึกว่ารินกำลังต้องการค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้หัวใจโลดเต้นได้อยู่
แต่รินก็บอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโปรดิวเซอร์ และรีบชิ่งกลับทันที
ทำให้ในคืนนั้น รินก็ได้นอนครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่คนเดียว



วันต่อมา อุซึกิได้โชว์ความสามารถจากการฝึกซ้อมในช่วงที่ผ่านมา
ทำให้เห็นว่าอุซึกินั้นสามารถเต้นได้ดีขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นโปรดิวเซอร์ก็ยังไม่มีอะไรให้ทำนอกจากการฝึกซ้อมอยู่ดี
และโปรดิวเซอร์ก็ขอโทษที่เขาเอาแต่ให้ฝึกซ้อมอย่างเดียว
แต่อุซึกิก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเธอชื่นชอบที่ได้พยายามฝึกซ้อมอยู่แล้ว
และอุซึกิก็ได้เปลี่ยนเรื่องชวนคุยเรื่องสมาชิกอีก 2คนที่เหลือ
โปรดิวเซอร์จึงบอกว่าตอนนี้เขากำหนดคนได้คนนึงแล้ว
เพียงแต่ยังมีปัญหาอยู่นิดหน่อย ซึ่งวันนี้เขาก็ว่าจะไปหาเธอคนนั้นอีกครั้งด้วย
เมื่อรู้แบบนั้น ก็ทำให้อุซึกิเกิดความสนใจจนตาเป็นประกาย
และขอตามโปรดิวเซอร์ไปเจอกับว่าที่ไอดอลอีกคนด้วย



ทางด้านรินที่ได้พักผ่อนอ่านนิตรยสารการเลี้ยงสุนัขอยู่ที่บ้าน
ก็ยังไม่วายเจอ ไอดอลจาก 346โปร ลงตีพิมพ์ในนิตรยสารอีก
รินจึงคิดจะเปลี่ยนอารมณ์โดยการพาฮานาโกะไปเดินเล่นข้างนอกแทน



แต่ดูเหมือนรินจะออกจากบ้านมาช้าไปนิดเดียว
เพราะเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้านมา รินก็ได้พบกับโปรดิวเซอร์และอุซึกิที่มาหาพอดี



รินได้มานั่งคุยกับอุซึกิที่สวนสาธารณะ
ดูเหมือนทั้งสองคนยังจำเรื่องที่อุซึกิเคยมาซื้อดอกไม้ที่ร้านของรินได้อยู่
แต่รินก็ได้ถามว่าวันนี้มีธุระอะไรกับเธอ อุซึกิจึงได้แนะนำตัวเองอีกครั้ง
และบอกว่าเธอกับรินจะเป็นไอดอลของ 346โปรหลังจากนี้ อุซึกิจึงอยากให้มาพยายามไปด้วยกัน
และแน่นอนว่ารินก็ได้แนะนำตัวเองด้วยท่าทางที่เหนื่อนหน่ายใจไม่แพ้กัน
พร้อมกับบอกว่าเธอไม่ได้เป็นไอดอลอย่างที่อุซึกิคิดหรอก



เมื่อเห็นว่าอุซึกิมีท่าทางกระตือรือร้นกับการเป็นไอดอลมาก
รินจึงถามอุซึกิว่าอยากเป็นไอดอลงั้นเหรอ อุซึกิจึงได้ตอบในแบบของเธอ
ว่าการเป็นไอดอลนั้นทำให้ได้ใส่ชุดสวยๆ ได้ร้องและเต้นบนเวทีที่เปล่งประกายเหมือนเจ้าหญิง
ว่าแล้วอุซึกิก็ได้ชี้ให้ดูป้ายโฆษณาของไอดอลซินเดอเรลล่าผู้งดงาม
เพื่อให้รินดูเป็นตัวอย่างว่าเธออยากเป็นไอดอลที่สวยงามแบบนั้นแหละ
แต่ดูเหมือนป้ายโฆษณาเจ้ากรรมจะไม่เป็นใจ เพราะอุซึกิชี้ให้ดูปุ๊บ
ป้ายก็เปลี่ยนภาพเป็นไอดอลคนละแนวปั๊บทันที




สุดท้ายอุซึกิก็ยอมรับว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการเป็นไอดอลเท่าไหร่นัก
แต่การเป็นไอดอลนั้นก็เป็นสิ่งที่อุซึกิใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
เธอจึงได้เข้าเรียนพยายามฝึกซ้อมเหมือนกับคนอื่น เพื่อเฝ้ารอซักวันหนึ่ง
เฝ้ารอวันที่จะได้เห็นว่าเธอจะเป็นไอดอลที่เปล่งประกายได้แบบไหน
และเฝ้ารอโดยเชื่อมั่นมาตลอดว่าวันนั้นจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน
และการที่โปรดิวเซอร์ได้มาหาอุซึกิ ก็ทำให้อุซึกิรู้สึกว่าความฝันของเธอได้เป็นจริงแล้ว



" คุณโปรดิวเซอร์ได้ส่งเสียงเรียกฉัน เป็นเพราะคุณโปรดิวเซอร์ได้มาพบฉัน
ฉันจึงคิดว่าหลังจากนี้ ความฝันจะต้องเป็นจริงได้อย่างแน่นอน
นั่นคือสิ่งที่ทำให้... "




" ฉันมีความสุขมากเลยล่ะ "




เมื่อรินได้เห็น รอยยิ้มของอุซึกิ ที่ราวกับถูกเติมเต็มความฝันให้เป็นจริง
รินก็ถึงกับตกตะลึงจนเผลอปล่อยฮานาโกะหลุดมือไปโดยไม่รู้ตัว



ฮานาโกะได้วิ่งมาหาโปรดิวเซอร์ แต่รินก็ยังไม่ค่อยอยากคุยกับโปรดิวเซอร์เท่าไหร่นัก
โปรดิวเซอร์จึงบอกว่า หากรินกำลังตามหา "บางสิ่งบางอย่าง" อยู่แม้เพียงเล็กน้อยล่ะก็
เขาก็อยากให้รินลองมาร่วมด้วยกันซักครั้ง ซึ่งมันจะต้องเป็นการเปิดโลกใบใหม่
ที่รินไม่เคยเห็นมาก่อนได้อย่างแน่นอน



รินได้ครุ่นคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง
เธอยังไม่เข้าใจว่าการเป็นไอดอลนั้นต้องทำอะไรยังไง
แต่ถ้าหากนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ได้พบกับโลกที่สวยงามแบบเธอคนนั้น
ถ้าหากนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจรู้สึกเร่าร้อนกับ "บางสิ่งบางอย่าง" ได้ล่ะก็

รินก็สามารถที่จะตัดสินใจเลือกหนทางของตัวเองได้แล้ว





" ชิบูยะ ริน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ "



หลังจากกลับไปนอนครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วันต่อมารินก็ได้มาหาอุซึกิและโปรดิวเซอร์ พร้อมกับตอบตกลง
ที่จะเข้าร่วมเป็นไอดอลของซินเดอเรลล่าโปรเจ็คต์ด้วยอย่างเต็มใจแล้ว


" แล้ว นายน่ะเหรอ โปรดิวเซอร์ของฉัน? "

" ครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ "




" ทางนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะ "


ในที่สุดสาวน้อยผู้เย็นชาก็ได้เริ่มเปิดใจของตัวเองออกมา
แม้เพียงเล็กน้อย แต่การตัดสินใจในครั้งนี้จะทำให้เธอพบกับโลกใบใหม่ที่งดงามยิ่งกว่าที่เคยเห็นมา
เหลืออีกเพียง 1คน ก็จะครบ ซินเดอเรลล่าโปรเจ็คต์ ทั้ง 14คน!!


====================================


[Spoil] THE IDOLM@STER - 765Pro (2)


- 765Pro (2) -
เรื่องราวของ ฮารุกะ และ 765โปร
กับช่วงเวลาที่หัวใจของทุกคนได้แตกสลายจากการสูญเสียคนสำคัญ


(*เนื้อหามีความเชื่อมโยงกับอนิเมะตอนที่23)




ระหว่างที่กำลังอยู่ในช่วงพักจากงาน
พวกมาโคโตะก็ได้รับโทรศัพท์จากริทสึโกะ ซึ่งเป็นข่าวร้ายว่าตอนนี้
 โปรดิวเซอร์ได้เข้าโรงพยาบาล เพราะบาดเจ็บหนักจนต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนทันที



ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
โปรดิวเซอร์ได้ช่วยเหลือฮารุกะที่กำลังจะพลาดตกเวทีของโรงละคร
ทำให้โปรดิวเซอร์กลายเป็นฝ่ายตกลงไปจากเวทีจนได้รับบาดเจ็บหนัก



เมื่อฮารุกะที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ลืมตาขึ้นมา
เธอก็พบว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้นซะแล้ว



ตอนนี้ 765โปรทุกคนได้มารวมตัวกันที่โรงพยาบาลแล้ว
หลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้น ท่านประธานก็ได้พยายามมาบอกทุกคน
ว่าโปรดิวเซอร์ปลอดภัยและไม่ได้รับความกระทบเทือนทางสมอง 
เพียงแต่ยังต้องรับการพักผ่อน ทำให้ทุกคนยังไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ในตอนนี้
และท่านประธานก็เข้าใจว่าตอนนี้ทุกคนเป็นห่วงกันมากแค่ไหน
แต่ยังไงตอนนี้ก็ขอให้มีสมาธิตั้งใจกับงานเพื่อแฟนๆทุกคนก่อน

ถึงอย่างนั้น ตอนนี้ก็มีอีกคนหนึ่งที่ทุกคนยังคงเป็นห่วงมากที่สุด
นั่นก็คือตัวของ ฮารุกะ เอง ที่ยังคงซึมเศร้าและรู้สึกผิดอยู่คนเดียว
แม้ทุกคนจะพยายามพูดคุยด้วยความเป็นห่วง แต่ฮารุกะก็ไม่ได้ตอบรับอะไรมากนัก

ทว่า กลับมีเสียงหนึ่งที่เรียกชื่อของฮารุกะขึ้นมา
ทำให้ฮารุกะสามารถเงยหน้าขึ้นมามองหาคนที่เรียกเธอได้




ซึ่งเสียงนั้นก็คือเสียงของ จิฮายะ ที่รีบตรงมาจากสนามบิน
และยังคงมาอยู่เคียงข้างฮารุกะในยามที่มีปัญหาด้วยเช่นกัน



หลังจากนั้น ริทสึโกะก็ได้มาส่งทุกคนแยกย้ายขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน
และพยายามบอกฮารุกะว่าอย่าโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
ส่วนมิกิก็บอกว่าเธอจะพยายามกับงานให้เต็มที่มากกว่าเดิม
เพื่อที่โปรดิวเซอร์จะได้ลืมตาขึ้นมาชื่นชมเธอได้อย่างภูมิใจ



ส่วนทางด้านพวกมาโคโตะก็ยังอดที่จะรู้สึกซึมเศร้ากันไม่ได้
มาโคโตะได้นึกถึงตอนที่ได้คุยกับโปรดิวเซอร์ก่อนหน้านี้
ซึ่งโปรดิวเซอร์ได้ขอฝากฝังให้มาโคโตะช่วยเป็นกำลังให้ฮารุกะในคอนเสิร์ตครั้งต่อไปด้วย



โปรดิวเซอร์นั้นมักจะคอยเป็นห่วงทุกคนอยู่เสมอ
แต่ไม่ใช่แค่โปรดิวเซอร์เท่านั้นที่คอยเป็นห่วงคนอื่นตลอดเวลา
เพราะในตอนนี้ทุกคนก็ต่างรู้สึกเป็นห่วงโปรดิวเซอร์กับฮารุกะด้วยเหมือนกัน



ริทสึโกะยังคงทำหน้าที่ของเธอดูแลด้วยการทุกคนจนถึงที่สุด
ซึ่งหลังจากส่งจิฮายะแล้ว ริทสึโกะก็ได้มาส่งอิโอริต่อเป็นคนสุดท้าย 
แต่อิโอริก็เห็นว่าตอนนี้ริทสึโกะกำลังกลัดกลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัด
จากการที่ริทสึโกะคิดว่าตอนนี้เธอจะแสดงความท้อแท้ให้ทุกคนเห็นไม่ได้



อิโอริได้นึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับโปรดิวเซอร์ตอนที่เคยกลับบ้านด้วยกัน
โปรดิวเซอร์ได้บอกว่าเธอกับริทสึโกะมีหลายอย่างที่คล้ายกัน
และต่างคนก็ต่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกันจนมุ่งหน้าไปถึงจุดสูงสุดได้
ทำให้อิโอริพยายามบอกให้ริทสึโกะตั้งสติให้มั่นคงกว่านี้
เพราะในเวลาแบบนี้เป็นเวลาที่พวกเธอต้องมุ่งไปข้างหน้า
และคนที่จะชี้นำหนทางของทุกคนได้ตอนนี้ก็มีแค่ริทสึโกะเท่านั้น
เมื่อได้ยินอิโอริพูดแบบนั้น ริทสึโกะก็พอจะผ่อนคลายจิตใจลงได้บ้างเล็กน้อย





" ความฝัน... ความฝันของฉันนั้นอยู่แห่งหนใดกัน?
ความฝันที่เคยไขว่คว้าเอาไว้ได้ร่วงหล่นและพังทลายไปแล้ว...
เสียงที่แตกสลายนี้... มันคือความฝันอย่างนั้นหรือ? "



" วันคืนแต่ละวันที่เคยสนุกสนานนั้นไปอยู่แห่งหนใดแล้ว?
ฉันควรจะทำอย่างไร!? ฉันควรจะทำอย่างไรดี!? ฉันไม่อาจรู้ได้เลย... "




หลังจากเวลาได้ผ่านไปช่วงหนึ่ง คุณโคโทริก็ได้โทรศัพท์แจ้งข่าวดีให้ทุกคนรู้
ว่าตอนนี้โปรดิวเซอร์ได้สติลืมตากลับมาและอาการปลอดภัยหายห่วงแล้ว
ส่วนตอนนี้โปรดิวเซอร์ได้นอนหลับพักผ่อนจากการได้รับยารักษาอยู่
แต่ก่อนที่จะหลับไปนั้น โปรดิวเซอร์ก็ได้ฝากข้อความหนึ่งถึงฮารุกะด้วย





" พยายามเข้านะ "




วันต่อมา มาโคโตะกับยูกิโฮะได้มาเจอฮารุกะที่สถานที่ฝึกซ้อม
ซึ่งวันนี้ฮารุกะก็ยังคงต้องไปฝึกซ้อมสำหรับการแสดงละครเวที
แต่ก่อนหน้านั้นฮารุกะยังมีเวลา เธอเลยคิดว่าจะมาฝึกซ้อมสำหรับคอนเสิร์ตต่อไป
และฮารุกะในตอนนี้ก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแสดงหลักในละครเวทีแล้ว
ทำให้พวกมาโคโตะร่วมยินดีกับฮารุกะที่ประสบความสำเร็จด้วย



ฮารุกะได้ขอบคุณพวกมาโคโตะ
แต่มาโคโตะก็รู้สึกว่าฮารุกะนั้นเเปลกไปจากเดิม
เพราะตอนนี้ รอยยิ้มของฮารุกะที่เคยมีได้แตกสลายไปแล้ว...


===================================

[Spoil] THE IDOLM@STER - Iori (1)


- Minase Iori (1) -
เรื่องราวของ อิโอริ
กับการมุ่งสู่หนทางของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ไม่ยอมแพ้ใคร


< ครี่งแรก >

มาโคโตะได้มาที่สำนักงานเพื่อเตรียมตัวสำหรับการฝึกซ้อมในวันนี้
แต่มาโคโตะก็ได้พบกับรถสุดหรูมาจอดที่หน้าสำนักงาน
ทำให้มาโคโตะอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่ได้นั่งรถหรูๆแบบนี้



แต่คนที่มาโคโตะสงสัยก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล
หากแต่เป็นคุณหนู อิโอริ แห่งตระกูลมินาเสะที่มีพ่อบ้านขับรถหรูมาส่งนั่นเอง



เมื่อเห็นบล๊ะลานุภาพความร่ำรวยของอิโอริ มาโคโตะก็ถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้างไป
และเมื่ออิโอริหันมาทักทายมาโคโตะ มาโคโตะก็พูดตะกุกตะกัก
พร้อมกับกล่าวคำทักทายเจ้าแม่อิโอริแบบสุภาพสุดๆด้วย



หลังจากจบเรื่องตกใจของมาโคโตะ และพักดื่มชาของยูกิโฮะแล้ว
ริทสึโกะก็ได้เข้ามาที่สำนักงานพอดี อิโอริจึงได้ขอเวลาคุยด้วย
เรื่องที่อิโอริคุยกับริทสึโกะคือเรื่องงานครั้งต่อไปที่เตรียมไว้
เมื่อได้อ่านกำหนดการที่มีแต่งานที่เธอต้องการจะทำแล้ว
อิโอริก็ได้เอ่ยปากชมว่าสมแล้วที่ริทสึโกะเป็นโปรดิวเซอร์ของเธอ 
แต่ริทสึโกะก็บอกว่าเธอรู้ดีว่ายังมีงานอื่นที่อิโอริอยากทำมากกว่านี้อีก
ทำให้อิโอริได้แอบยิ้มออกมาเล็กน้อย


แม้จะดีใจที่ริทสึโกะเข้าใจความต้องการของเธอได้เป็นอย่างดี
แต่อิโอริก็อดที่จะแซวไม่ได้ว่าริทสึโกะอ่านความคิดของเธอได้ทะลุปลุโปล่งมากเกินไปจริงๆ
ริทสึโกะจึงบอกว่าทำงานมาด้วยกันถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องรู้กันดีเป็นธรรมดา
และริทสึโกะก็ได้กลับเข้าเรื่องเพื่อจบหัวข้อนี้
โดยการถามอิโอริเป็นครั้งสุดท้าย ว่าอิโอริทำงานนี้ได้รึเปล่า
ซึ่งอิโอริก็ตอบรับด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม


" แน่นอนอยู่แล้ว "


ในระหว่างที่เตรียมตัวสำหรับการฝึกซ้อมวันนี้
มาโคโตะได้ถามว่าเมื่อกี๊อิโอริคุยอะไรกับริทสึโกะ
แต่อิโอริก็บอกแค่ว่าคุยเรื่องงานในครั้งนี้กัน
มาโคโตะจึงได้แอบแซวว่าอิโอริทำเป็นมีความลับไม่ยอมบอกว่างานอะไร
อิโอริจึงบอกว่าไว้ตกลงเรียบร้อยแล้วเธอจะบอกเองอยู่แล้ว
เพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเป็นคนเดียวที่หยุดอยู่กับที่แค่นี้เหมือนกัน



ตกดึก ริทสึโกะได้เล่าให้พวกโปรดิวเซอร์ฟังว่าเธอจะให้อิโอริ
เป็นตัวหลักในการขึ้นแสดงคอนเสิร์ตใหญ่คนเดียวในฐานะริวกูโคมาจิ
ซึ่งดูจากผลงานของอิโอริแล้วก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร
แถมนี่ยังเป็นความต้องการของอิโอริเองด้วย


และริทสึโกะก็ได้เล่าถึงแผนการของเธอในขั้นต่อไป
ซึ่งตอนนี้คุณอาซึสะก็ได้เริ่มเป็นแขกรับเชิญในรายการต่างๆ
และยังได้เป็นตัวแสดงหลักในภาพยนตร์ดราม่าด้วย
ส่วนอามิก็เริ่มกลับมามีงานกับมามิมากขึ้น และได้ออกแสดงในรายการวาไรตี้
เหลือแต่เพียงอิโอริ ที่ริทสึโกะอยากจะชี้นำหนทางของไอดอลให้มากที่สุด
และเมื่อเธอทำตามเเผนการที่วางไว้ของทั้งสามคนได้สำเร็จเมื่อไหร่
เมื่อนั้นก็จะเกิดสิ่งที่เหมือนกับปฎิกริยาเคมีครั้งใหญ่ขึ้น



" การพัฒนาไอดอลทั้งสามคนที่มีลักษณะเส้นทางแตกต่างกัน
นี่แหละคือ ริวกูโคมาจิ ของฉันค่ะ "



เมื่อได้ยินถึงแผนการและได้เห็นความตั้งใจแน่วแน่ของริทสึโกะ
โปรดิวเซอร์ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและบอกว่าเขาพลาดซะแล้ว
เพราะคอนเสิร์ตใหญ่ที่ว่านั่นเขาเองก็มีคิดวางแผนเอาไว้เหมือนกัน
แต่กลายเป็นว่าเขาโดนริทสึโกะนำหน้าไปก่อนหนึ่งก้าวอีกแล้ว
ดูเหมือนงานนี้คนที่เข้าใจความต้องการ
และอยากทำความฝันของเหล่าไอดอลให้เป็นจริง
จะไม่ได้มีเพียงแค่ริทสึโกะคนเดียวซะแล้ว



< ครึ่งหลัง >


อิโอริในตอนนี้กำลังแสดงเพลง "DIAMOND" อยู่บนเวทีคนเดียว
ซึ่งการแสดงของอิโอรินั้นก็เปล่งประกายงดงามราวกับเพชรเม็ดงามมาก


เมื่อกลับมาที่หลังเวที อิโอริก็ได้หยอกโปรดิวเซอร์เล็กน้อย
เพราะวันนี้โปรดิวเซอร์มาเป็นตัวแทนดูแลงานให้ริทสึโกะ
จากที่ริทสึโกะต้องไปดูแลงานถ่ายหนังช่วงสำคัญของคุณอาซึสะ
ส่วนยาโยยนั้นก็ยังคอยดูแลอิโอริ รวมถึงมิกิที่ยังคงชอบพุ่งเข้าใส่อิโอริด้วย
ซึ่งก่อนขึ้นเวที มิกิก็บอกว่าเธอจะพยายามเต็มที่ไม่ให้แพ้อิโอริเหมือนกัน


อิโอริได้ยืนมองมิกิขึ้นไปแสดงบนเวทีและรู้สึกว่ามิกิทำได้ดีมากพอแล้ว
ทำให้ในใจอิโอริตอนนี้มีทั้งความรู้สึกตื่นเต้นและความรู้สึกไม่อยากยอมแพ้
จากการที่ได้เห็นผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งเฉิดฉายบนเวทียิ่งกว่าตัวเอง



หลังจากจบงานและได้ส่งยาโยยกับมิกิที่บ้านแล้ว
ตอนนี้ก็เหลือเพียงอิโอริ ที่นานๆจะได้เห็นเธอกลับบ้านกับโปรดิวเซอร์
โปรดิวเซอร์จึงได้ชวนคุยเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่ที่อิโอริจะขึ้นแสดงคนเดียว
และบอกว่าเขาโดนริทสึโกะนำหน้าไปก่อนหนึ่งก้าวแล้ว
อิโอริจึงได้ขอให้โปรดิวเซอร์ตอบมาตามจริงว่าคิดยังไง
โปรดิวเซอร์ก็บอกว่าเขาคิดว่าดีแล้ว และอิโอริจะต้องทำสำเร็จได้ดีแน่นอน
แต่กลายเป็นว่าอิโอริกลับงอนเล็กน้อย และบอกว่าเธอไม่ได้ถามเรื่องนั้นซะหน่อย


โปรดิวเซอร์จึงได้ถามว่างั้นอิโอริอยากถามเรื่องอะไร
อิโอริจึงได้บอกว่า แม้เธอจะได้เดบิวต์ก่อนคนอื่น
แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าทุกคนกำลังค่อยๆนำหน้าเธอไปแล้ว
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ มิกิ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่แห่งปี
ซึ่งอิโอริยอมรับว่าเธอได้มองเห็นถึงความเปล่งประกายงดงามมาก


และไม่ใช่แค่มิกิเท่านั้น แต่ยังมี 765โปรคนอื่นๆ อย่าง
จิฮายะผู้ร้องเพลงอย่างมีความสุข คุณอาซึสะผู้โอนอ่อน
อามิมามิผู้มีความร่าเริงอยู่เสมอ ยาโยยผู้มีความสดใส
ยูกิโฮะผู้แฝงความเข้มแข็งไว้ภายในความอ่อนโยน
มาโคโตะผู้พุ่งไปด้วยความกล้า ฮิบิกิผู้สะกดทุกสายตา
ทาคาเนะผู้เปี่ยมล้นด้วยความสามารถอย่างแท้จริง 
และฮารุกะ ผู้มุ่งมั่นพยายามในโอกาสที่เป็นไปได้ใหม่ๆอยู่เสมอ



เมื่อได้อยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนที่มีความสามารถเหนือตนเอง
ทำให้อิโอริไม่มั่นใจว่าการมุ่งหน้าไปในเส้นทางของเธอเองแบบนี้จะดีแล้วรึเปล่า
และอิโอริก็ขอให้โปรดิวเซอร์ตอบออกมาตามตรงอีกครั้ง
ว่าในฐานะไอดอลแล้ว โปรดิวเซอร์คิดว่าเธอเป้นยังไงกันแน่



"ผมคิดว่าริทสึโกะกับอิโอริมีส่วนที่เหมือนกันเยอะเลยนะ"


โปรดิวเซอร์ได้ตอบตามความคิดของเขา
ซึ่งเขาเห็นว่ายังไงผู้ที่เป็นโปรดิวเซอร์ดูแลอิโอริในตอนนี้ก็คือริทสึโกะ
ริทสึโกะเองก็มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะไปสู่จุดสูงสุดเหมือนกัน
และในจุดนั้นเองที่ช่วยผลักดันให้อิโอริขึ้นบันไดไปได้สูงมากขึ้น
ซึ่งอิโอริเองก็เป็นไอดอลคนหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจของ 765โปร
และด้วยความที่อิโอริมุ่งไปข้างหน้าเสมอ นานๆครั้งจะมีเรื่องให้ทุกข์ใจบ้างก็เป็นธรรมดา
แต่ไม่ว่าจะเจอกำแพงที่สูงใหญ่แค่ไหนก็จะก้าวข้ามผ่านพ้นไปให้ได้
นั่นเเหละ คือ มินาเสะ อิโอริ ในความคิดของโปรดิวเซอร์


เมื่อได้รู้ถึงความคิดของโปรดิวเซอร์ อิโอริก็อดที่จะรู้สึกเหนื่อยใจ
กับการที่เธอแสดงทีท่าเอะอะโวยวายเหมือนคนบ้าเมื่อกี๊ไม่ได้
ซึ่งอิโอริในตอนนี้ได้เข้าใจแล้วว่ายังไงเธอก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป
โปรดิวเซอร์จึงบอกว่าแบบนั้นเเหละ ถึงจะสมกับเป็นอิโอริ
ทำให้อิโอริกลับมาตอบรับด้วยรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความกังวลได้แล้ว


แม้จะมีความสับสนในหนทางของตัวเอง
แต่ก็ยังมีพวกพ้องเคียงข้างให้คอยก้าวข้ามและช่วยเหลือในยามที่หลงทาง
ตอนนี้ไอดอล มินาเสะ อิโอริ ได้เดินหน้าขึ้นสู่เวทีอันยิ่งใหญ่
ตามหนทางที่ตัวเองเชื่อมั่นแล้ว


=====================================