
-Chapter 11-



โลกอันปกคลุมด้วยธรรมชาติสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า
เเละ สีฟ้าของทะเลเเละท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
รวมถึงหลากหลายสีสันจากนานาธรรมชา ติเเละอารยธรรมรอบด้าน
นี่คือโลกที่สัตว์ดุร้ายถูกทิ้งเอาไว้จนถูกเรียกว่าเป็นโลกที่อันตรายที่สุด
แกรนพัลส์
พวกไลท์นิ่งที่ลงมาถึงเเกรนพัลส์เเล้วก็ได้เดินสำรวจ
บรรยากาศรอบด้านรวมถึงอารยธรรมที่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่
ก่อนที่ผู้คนทั้งหลายจะย้ายขึ้นไปอยู่บนโคคูน

เเต่เเล้วพวกเขาก็ได้พบที่ออกไปเดินเล่นกับโบะน้อยสลบ อยู่
ระหว่างที่โฮปนอนพัก ทุกคนก็ได้ถกเถียงเรื่องที่จะทำยังไงต่อ
วา นิลาจึงบอกว่ายังมีหมู่บ้านหลงเหลืออยู่ เเต่ฟางก็เเย้งว่าเธอคิดดีเเล้วเหรอ
ไลท์นิ่งก็บอกว่าถ้ายังไม่เจออะไรก็คงจบกันเพียงเเค่นี้


โฮปฟื้นขึ้นมาเเละบอกว่าทุกอย่างเริ่มต้นที่หมู่บ้านโอ ลบา
ซึ่งนั่นก็คือหมู่บ้านของวานิลานั่นเอง เเต่โฮปก็เริ่มพูดด้วยความท้อเเท้ใจ
ทุกคนเลยพยายามพูดปลอบใจโฮปว่าทุกคนคือพวกพ้องที่ร่วมต่อสู้กันมา
เเต่โฮปก็ยิ่งรู้สึกกลัวเมื่อเค้าคิดว่า หากเดินทางต่อไปเเล้วอาจต้องเสียพวกพ้องไป



ความสิ้นหวังของโฮปได้ส่องเเสงออกมาจากรอยสักอย่างรุน เเรง
ปรากฏร่างของป้อมปราการอาณาจักรอันเเข็งเเกร่งอเล็กซานเดอร์ออกมา
ไลท์นิ่งกับฟางเลยบอกว่านี่คือพลังของโฮป ให้โฮปจัดการควบคุมพลังของตนเองให้ได้


สุดท้ายโฮปก็ควบคุมปราการเเห่งจิตใจอันเข้มเเข็งได้
วา นิลาก็บอกกับโฮปว่าที่เเกรนพัลส์นี้ทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน
เเล้วทุกคน ก็กลับมาร่าเริงเเละหยอกล้อกันเหมือนเดิม
ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางสู่การ เดินทางครั้งสุดท้ายต่อไป..


เมื่อพวกไลท์นิ่งออกมายังทุ่งกว้างพวกเขาก็ได้พบกับสัตว์นานาชนิด
รวมถึงลูชิในอดีตที่กลายเป็นรูปปั้นเพราะทำหน้าที่ไม่ ลุล่วงด้วย


เมื่อเดินทางกันไปต่อซักพัก วานิลากับฟางก็ได้พบดอกไม้จากหมู่บบ้านโอลบา
ระหว่างที่กำลังรำลึกความ ทรงจำดีๆ ฟางที่เคยความจำเสื่อมก็ได้พูดขึ้นมาว่า
ที่พัลส์เป็นเเบบนี้ก็ เพราะเป็นความผิดของเธอ เพราะใน"ตอนนั้น"
เธอใช้ เเร็คนาร็อค ไม่ได้ เเต่วานิลาดูเหมือนพยายามไม่อยากนึกถึงเรื่องนั้น


"พูดเรื่อง อะไรน่ะ.."
"นึกให้ออกสิ.. หน้าที่ในตอนนั้นทั้งหมดน่ะ.."
"โกหกน่ะ.."
"ทุกคนคงบอกว่าเป็นความผิดของชั้นทั้งนั้นเเหละ"
"ไม่ใช่นะ!!!"


เเต่เเล้วก็ได้มีเเสงออกมาจากสัญลักษณ์ที่ต้นขาของวานิลา
เเละปรากฏร่างของสัตว์อสูรเฮคาทอนเคลออกมา
ฟางตอกย้ำว่ามันออกมาจากจิตใจของวานิลา
เพราะเธอน่าจะจำเรื่องในอดีตได้หมดอยู่เเล้ว
"เรื่องนั้นมัน.. ไม่ใช่ความผิดของฟางนะ!"
"โทษ ที.. ถ้าจะคุยน่ะ.. ไว้หลังจากนี้ละกัน!"


เเละฟางกับวานิลาก็ช่วยกันสู้จนควบคุมเฮคาทอนเคลได้
ฟาง ก็บอกว่าตั้งเเต่เธอมาที่นี่ก็ดูเหมือนจะจำเรื่องในอดีตได้
วานิลาก็ พยายามพูดให้ฟางเข้าใจเรื่องในอดีต
เเต่ฟางก็ทำท่าจะทำร้ายวานิลาเเละ บอกว่าเธอไม่ควรเเบกรับความผิดทุกอย่างไว้คนเดียว



เเต่ฟางก็เเค่เขกหัววานิลาเบาๆเเละบอกขอโทษเธอ
เเละ บอกให้วานิลาไม่ต้องเเบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวอีกเเล้ว
วานิลาก็บอกขอโทษ กับฟางเเละร้องไห้ออกมา
ฟางก็ได้โอบกอดวานิลาไว้เเละบอกว่าคนที่อยาก ร้องไห้คือเธอต่างหาก
เเละบอกว่าพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน


พวกไลท์นิ่งเดินทางกันต่อจนพบเครื่องจักรในอดีตที่ เหลือ
เเละฟัลชิที่อยู้ใต้ดินที่มีลักษณะเป็นสัตว์ที่เเตกต่างจากเครื่องจักรบนโคคูน
เเละเมื่อเดินทางกันต่อจนสโนว์นึกถึงเซร่า วานิลาก็ได้นึกถึงเรื่องนึงที่ไม่มีใครรู้
นั่นก็คือเธอเคยพบกับเซร่ามาก่อน
-วันที่9-
ที่โบดัม




วานิลาได้มาดูทะเลอันสวยงามกับเซร่า
เซร่าก็บอกว่า เธอชอบที่นี่ วานิลาเองก็หวังว่าพวกเธอจะได้เจอกันอีก
เเละเซร่าก็บอกกับ วานิลาที่พูดเหมือนมีปัญหาอะไรบางอย่างว่าจะหนีมันไปก็ได้
จากแล้วนั้น อาจจะเจอความหวังก็ได้ เเละเซร่าบอกว่าที่จริงเเล้วเธอนั้นกลัวโลกนี้
กลัวจนอยากอยู่คนเดียว เเละหนีไปจากมัน เเต่พอเป็นเเบบนั้นเธอจะนึกถึงทุกคน
เเล้วเธอจะรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป

"เพราะมีทุกคนอยู่ ชั้นถึงเชื่อว่าจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างเเน่นอน"


วานิลาก็ได้เข้าไปจับมือเซร่าเเละก้มลงขอโทษเธอ
เพราะที่จริงตอนนี้เซร่านั้นได้กลายเป็นลูชิไปเเล้ว
เเต่เซร่าก็ไม่ได้ว่าอะไร วานิลา เเละบอกว่าวานิลาก็เป็นคนสำคัญเหมือนกัน
เเละสโนว์ก็ได้ฟังเรื่องนี้เช่นกัน วานิลาก็บอกว่าเธอรู้สึกผิดกับเรื่องนี้
เเต่สโนว์ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอ เเถมบอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรอีกก็บอกเค้าได้
เเละวานิลาก็บอกต่อว่าเซร่าน่าจะเห็นภาพของเเร็คนาร็อคเหมือนกัน
เพราะงั้นสิ่งที่กาเรนธ์พูดกับพวกเขานั้นจะต้องเป็นเรื่องโกหกเเน่
"นี่.. เซร่า เธอฝันเห็นอะไรกันนะ.."




พวกไลท์นิ่งได้มาพักกันกลางทุ่งหญ้าที่มีอาทิตย์อัสดงสาดส่องอย่างสวยงาม
สโนว์ได้ให้ผลึกคริสตัลกับไลท์นิ่ง เพราะคิดว่าเธอคงมีเรื่องอยากคุยกับเซร่าเหมือนกัน
"นานๆทีเวลาเเบบนี้ จะเเสดงความอ่อนโยนมั่งก็ได้นะ?"


สโนว์ยังคงพูดหยอกล้อเหมือนเคย
เเต่ไลท์นิ่งก็ชักดาบออกมาเเละทำท่าจะฟันสโนว์จนเขาล้มลงไป


"[ถ้ากลับไปแล้ว.. คิดจะทำยังไงกับชั้นต่อล่ะ]"
"พี่ครับ...?"
"เซร่าคงคิดอย่างงั้นอยู่ล่ะนะ"
"อย่าล้อเล่นอย่างงี้สิ~"
"จะเเต่งงาน ไม่ใช่เหรอ?
เข้มเเข็งไว้เเล้วก็อย่าหยุดที่จะทำมันล่ะ"
เเล้วไลท์นิ่งก็คืนคริสตัลหยาดน้ำตาให้กับสโนว์


"ขอสาบานกับหยาดน้ำตานี้
เมื่ออยู่ด้วยกันเเล้วจะไม่ทำให้เธอร้องไห้เด็ดขาด"
"เเน่นอนอยู่เเล้ว.."
เเต่ถึงจะพูดอย่างงั้น ทั้ง2คนก็ได้เเต่หวังว่า
พวกเขาจะได้พบกับคนอันเป็นที่รักอีกเพียงซักครั้ง

"คงจะ.. ได้เจอกันอีกนะ?"
เเต่เเม้จะอ่อนเเอเพียงใด พวกเขาก็ช่วยผลักดันให้กันเสมอ
เหมือนดั่งตอนนี้ที่ไลท์นิ่งเอามือดันหลังสโนว์ให้มุ่งมั่นต่อไป




"สาบานเเล้วนี่? เพราะงั้นมองไปเพียงเเต่ข้างหน้าก็พอ"
"............."
"[จะต้องได้เจอกันอีกเเน่นอน] ไม่ใช่เหรอ?
คนที่ทำให้ชั้นมองเห็นความฝันนั้น.. คือนายนี่นา.."
"พี่ ครับ.."
"........."
"พอทุกอย่างจบลงเเล้ว.. ไปรับเธอกลับด้วยกันเถอะ"



เเละ เเล้วพวกไลท์นิ่งก็เดินทางมาถึงหอคอยเทจินที่เป็นทางผ่าน
เเละพวกเขาก็ ได้พบกับฟัลชิดากาฮาที่บินวนเวียนอยู่ที่หอคอยนี้
เมื่อเข้ามาในหอคอย เเล้วพวกไลท์นิ่งก็ได้ยินเสียงจากเทวรูปนักรบภายในหอคอย
ซึ่งมีเพียงฟาง ที่เเปลความหมายออก


พวกไลท์นิ่งเดินทางต่อจนพบการต่อสู้ของ
เทวรูปกับ ฟัลชิดากาฮาที่เหมือนจะเข้ามาทำร้ายพวกเขาเป็นระยะๆ
จนในที่สุดพวกเขาก็ ได้ขึ้นมาถึงยอดหอคอยเเละพบกับฟัลชิดากาฮา
เเละทำให้พวกเขาต้องสู้กันจนได้

เมื่อจัดการได้เเล้วก็พบว่ามีทางเปิดให้ไปต่อได้
โฮ ปกับสโนว์ก็ได้ถามถึงหมู่บ้านของวานิลาว่าเป็นยังไง
วานิลาก็บอกว่าถึงจะ เล็ก เเต่ก็มีสีเขียวขจีเเละอากาศอบอุ่น



เเต่ เมื่อมองจากบนยอดนี้เเล้วพบว่าสิ่งที่เห็นนั้นผิดไปจากที่วานิลาพูด
เพราะ นอกจากเมฆหมอกสีขาวเเล้วก็ไม่มีอะไรเลย
ราวกับเป็นโลกที่ไร้สีสัน เเต่ทุกคนก็พยายามพูดให้กำลังใจ
ว่าหมู่บ้านจะต้องยังอยู่เเน่นอน ซึ่งวานาลิกับฟางก็ได้กำลังใจจากทุกคน
เเละเดินทางกันต่อไป



ในที่สุด จากการเดินทางอันยาวนาน พวกไลท์นิ่งก็มาถึงหมู่บ้านโอลบาจนได้
โฮปก็ได้ถามว่าบ้านของวานิลาอยู่ใหน
วานิลาก็บอกว่าทั้งหมดนี้คือบ้านของพวกเธอ
ทุกคนเลยคิดว่าคงเป็น ครอบครัวที่ใหญ่น่าดู


เเต่หมู่บ้านในตอนนี้ไม่มีใครอยู่อีกเเล้ว
นอกจาก พวกมอนสเตอร์ที่มาอาศัยอยู่ตามกาลเวลา
เหลือเพียง พัคตี้ หุ่นยนตร์ที่เป็นเพื่อนกับวานิลาเท่านั้น


พวกไลท์นิ่งเดินทางต่อจากหมู่บ้านไปเล็กน้อย
ก็ได้ พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน เมื่อเซร่าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา

"รอมาตลอดเลย ล่ะ.. ตั้งเเต่ลืมตาตื่นขึ้นมา"


เซร่าเข้าไปกอดสโนว์ทันที เเต่สโนว์ก็ผลักเธอออกมา
เมื่อเซร่าพูดอะไรเเปลกๆจนเหมือนไม่ใช่เซร่า
ไลท์นิ่งจึงบอกให้เซร่าตัวปลอม นี้หยุดพูดเเละทำท่าจะทำร้ายเซร่า

"พี่ทำไม่ได้หรอก.. เพราะพี่เป็นคนอ่อนโยนนี่นา..
ใช่มั้ยล่ะ? พี่เอแคล"



เเละเซร่าตัวปลอมนี้ก็เผยตัวจริง นั่นก็คือตาเเก่จอมฉ้อฉน กาเรน
ซึ่งกาเรนก็ยังคงออกมาพุดผลุกปั่นจิตใจ ให้สับสนเเละทำลายโคคูนเหมือนเดิม
เเละกาเรนยังบอกว่าซิดยังมีชีวิตอยู่ เพื่อทำหน้าที่ต่อไป
เเละเขาก็ได้ประกาศสงครามล้างโลกที่จะเกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะ
กลายร่างจริงเพื่อต่อสู้ด้วยอีกครั้ง



ก่อนที่กาเรนจะหนีไปอีกครั้ง เขาก็ได้ทิ้งยานบินไว้ให้
เเละ บอกว่ามีเพียงเเร็คนาร็อคที่จะหยุดเรื่องราวนี้ได้
เมื่อกาเรนหนีไปก็ได้ เเต่ทิ้งให้พวกไลท์นิ่งได้เเต่ครุ่นคิดกันอย่างหนัก
ถึงปากจะบอกว่าสู้ เเละปราบออเฟ่นไปด้วย เเต่นี่ไม่ใช่สงครามธรรมดาๆ

"คุณไลท์.. คุณบอกไว้ที่โคคูนสินะครับ
ทำได้หรือไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา [มีเเต่ต้องทำเท่านั้น] ผมคิดว่าตอนนี้ได้เวลานั้นเเล้วครับ
ไม่ว่าจะดู เล็กน้อยเเค่ใหน เเม้จะมาจากจิตใจของคนเพียงคนเดียวก็ได้
ถ้าพวกเรากลับ ไปล่ะก็คงทำอะไรได้เเน่.."



โฮปได้พูดออกมาท่ามกลางความเงียบงัน เเต่นั่นก็เป็นพลังให้ทุกคนตัดสินใจได้
เพราะเป้าหมายของพวกเขานั้นคือ การปกป้องโคคูนนั่นเอง


"ไปเอาของที่ลืมไว้กลับมากันเถอะ"
-Continue Chapter 12-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น