
Steins;Gate
Hiyoku Renri no Darling
[ Spoil - Part2 ]

ระหว่างที่ครุ่นคิดถึงดาวเทียมบนตึกวิทยุที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย โอคาเบะก็ได้เดินมาถึงศาลเจ้าอุรุชิบาระ
ไม่นานนัก ลูกชายประจำศาลเจ้าอย่างลูกะก็ได้เข้ามาทักทายเขาด้วยท่าทางอ้อนแอ้นราวกับเด็กผู้หญิง
"อ๊ะ คุณโอคาเบะ สวัสดีครับ"
"ลูกะโกะเอ๋ย พูดอะไรรู้รึเปล่าน่ะ ชั้นไม่ใช่โอคาเบะ รินทาโร่"
"ขะ.. ขอโทษนะครับ คุณเคียวม่ะ"
เมื่อลูกะเปลี่ยนชื่อเรียก โอคาเบะก็กล่าวชื่นชมลูกะ แต่โอคาเบะก็ต้องคอยสะกดใจตัวเองอยู่เป็นระยะๆ
ว่าหนุ่มน้อยน่ารักราวสาวน้อยแรกแย้มนั้นเป็นผู้ชาย
"ไหนลองพูดคำที่ต้องพูดประจำซิ"
"ได้ครับ เอล ไซ... คอนกรี"
"คอนกรูต่างหากล่ะ! คอนกรู!"
โอ คาเบะได้ถามลูกะเพิ่มว่าเขาจำเรื่องดาวเทียมที่ตกลงมาบนตึกวิทยุได้รึเปล่า เพราะศาลเจ้าของลูกะอยู่ใกล้กับตึกวิทยุในอากิบะพอสมควร แต่ลูกะก็ตกใจและบอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ด้วยคำตอบของลูกะ ทำให้โอคาเบะพอเข้าใจแล้วว่าในเส้นทางของโลกคราวนี้
ไม่มีเรื่องที่ดาวเทียมตกลงมา โอคาเบะจึงบอกลูกะว่าเขาคงเข้าใจผิดไปเอง
"อ้าว นึกว่าใครที่ไหนมา โฮวอินคุงไม่ใช่เหรอนั่นน่ะ"

เสียงนุ่มลึกที่ได้เข้ามาคุยกับโอคาเบะนั่นคือเสียงพ่อของลูกะซึ่งเป็นผู้ดูแลศาลเจ้านี้
"ไม่ได้เจอกันซะนาน สบายดีเหรอครับ"
พ่อของลูกะทักทายด้วยความสุภาพ
"ครับ ต้องขอขอบพระคุณมากครับที่เป็นห่วง"
โอคาเบะเองก็ยังพอมีมารยาทและกาละเทศะ จึงตอบกลับไปแบบสุภาพเช่นกัน
โอ คาเบะได้พูดคุยเรื่องต่างๆกับพ่อของลูกะเล็กน้อย และพอทำให้รู้ว่าศาลเจ้านี้อยู่มาช้านานแล้ว เมื่อเห็นลูกชายกำลังคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน พ่อของลูกะจึงคิดจะให้ลูกะอยู่คุยกับโอคาเบะก่อนแล้วค่อยไปช่วยเรื่องของ สักการะกันทีหลัง
แต่โอคาเบะบอกว่าไม่เป็นไร และเขาขอไม่รบกวนต่อดีกว่า
"แล้วก็ลูกะโกะ อย่าลืมฝึกพูดให้คล่องๆล่ะ เข้าใจนะ"
"ครับ เอ่อ.. เอล ไซ.. คอน... คอน..."
"คอนกรู!"
โอคาเบะกลับมาที่เเล็ปพบว่าดาลุกำลังเล่นเกมจีบสาวอยู่ เขาเลยถามถึงสิ่งประดิษฐ์ใหม่
แต่ดูเหมือนตอนนี้มากิเสะจะออกไปซื้อของที่จำเป็นอยู่ ทำให้โอคาเบะดีใจที่ใกล้ได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่แล้ว
"ตื้ดตือรื้อ"
มายูริได้เข้ามาในห้องแล็ป วันนี้เธอไปทำงานพิเศษที่ร้านเมควีนมา
หลังเลิกงานมายูริจึงกลับมานั่งพักผ่อนที่แล็ปเหมือนปกติ
เมื่อทิ้งกระเป๋าลงบนโซฟาแล้ว เธอก็หยิบกล้วยของโปรดขึ้นมากินทันที

"ง่ำๆ ใช่แล้ว โอคาริน มายูชี่มีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ"
มายูริกินไปพูดไปจนโอคาเบะเริ่มหวั่นใจเล็กน้อยว่าเรื่องที่มายูริอยากคุยด้วย
จะเป็นเรื่องที่ร้านเมควีนหรือเป็นเรื่องกล้วยกันแน่
"คือว่านะ ถ้าสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่เสร็จแล้ว จะซื้อไมโครเวฟอันใหม่ได้มั้ยอ่ะ?"
ผิดคาดที่ไม่ใช่เรื่องอย่างที่โอคาเบะคิด แต่มายูริก็ถามได้ดี
เพราะว่าพวกโอคาเบะเอาไมโครเวฟมาเป็นส่วนประกอบของการทดลองจนไม่มีใช้แล้ว
"นั่นสินะ ถ้ามีของอย่างอื่นที่จำเป็นอีกก็คงต้องไว้ซื้อทีหลังล่ะนะ"
"อีกประมาณเท่าไหร่เหรอ"
"ประมาณ6อย่างได้ล่ะมั้ง"
"ไอ้6อย่างนั่นมันมาจากไหนน่ะ"
ดาลุที่ได้ยินทั้งสองคนคุยกันถึงกับแทรกโอคาเบะที่กำลังพูดเรื่อยเปื่อยขึ้นมาทันที
"ไม่รู้สิ"
โอคาเบะตอบกลับไปแบบไม่รู้สึกอะไร
มายูริเงียบไปซักพัก ก่อนที่เธอจะบ่นพึมพำออกมาคนเดียว
"งั้นอาจจะไม่ได้ก็ได้เเฮะ"
"ไม่ได้เหรอ ไม่ได้เรื่องอะไรล่ะ?"
"เรื่องนั้นน่ะนะ เอะเฮะๆๆๆ"
"เป็นอะไรน่ะมายูริ มีอะไรแปลกรึไง"
"คือว่านะ มันก็.. เอะเฮะๆๆๆ อยากรู้เหรอ?"
"อะไรน่ะกำลังคุยเรื่องลามกกันอยู่เหรอ งั้นขอร่วมวงด้วยสิ"
ดาลุผละจากเกมจีบสาวมาเข้าร่วมวงสนทนากับพวกโอคาเบะ
"ไม่ใช่ซะหน่อย คือว่านะ มายูชี่น่ะ หัวไม่ค่อยดีเลยช่วยเรื่องในแล็ปไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ
แต่ที่จริงมายูชี่ก็อยากช่วยเรื่องในแล็ปเหมือนอย่างดาลุคุงหรือคริสจังบ้างน่ะ"
โอคาเบะฟังมายูริเงียบๆโดยไม่แย้งอะไร
มายูริยังคงเป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใยทุกคนมากกว่าใครจริงๆ
แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่ามายูริรู้สึกแบบนี้มาตลอด
"แต่าว่านะๆ คราวนี้มายูชี่อาจจะช่วยเรื่องในแล็ปได้เป็นครั้งแรกก็ได้"
"อะไรน่ะ? หรือว่ามายูชี่ก็คิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ออกเหมือนกัน?"
ดาลุรีบถามด้วยความสงสัย
"ไม่ใช่หรอก คือว่านะ ตอนนี้ทุกคนกำลังพยายามช่วยกันสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่กันอย่างเต็มที่
เพื่อจะได้เอาไปขายได้เงินเยอะๆใช่มั้ย"
มายูริรู้ถึงความจริงข้อนี้ ถึงดูเหมือนพวกโอคาเบะจะบ้าๆบอๆสร้างนู่นสร้างนี่ไปวันๆ
แต่ที่จริงแล้วพวกเขาก็ต้องเอามันไปขายเพื่อหาเลี้ยงปากท้องต่อไปด้วย
"เอะเฮะๆๆ มายูชี่พูดถึงเรื่องนี้เนี่ยเเหละ"
"ที่จริงแล้ว เหมือนมายูชี่จะไปเจอคนที่เขารับซื้อสิ่งประดิษฐ์มาด้วยล่ะ"
โอคาเบะกับดาลุเริ่มตกใจ
"คือว่านะ ที่จริงแล้ว มายูชี่ได้ไปโฆษณาสิ่งประดิษฐ์ให้ลูกค้าที่ร้านเมควีนด้วยน่ะ
แล้วทีนี้ก็มีลูกค้าสนใจและบอกให้รวมมา..."
"ทำได้ดีมาก มายูริ"
โอคาเบะไม่รอมายูริพูดจบ เขาก็พอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
"จริงเหรอ มายูชี่ช่วยได้แล้วสินะ?"
"แน่นอน จะให้ชั้นซื้อกล้วยซักลูกเป็นรางวัลก็ได้นะ"
"โอคารินขี้งก! อย่างน้อยก็น่าจะซื้อให้ซักหวีสิ"
"ปัญหาไม่ใช่ที่จำนวนแต่อยู่ที่ความรู้สึกเฟ้ย"
"เอะเฮะๆ มายูชี่แค่ได้ช่วยเหลือแล็ปก็ดีใจแล้วล่ะ'
"เท่านี้เราก็มีเงินทุนกันซะที จะได้ไม่ต้องถูกมิสเตอร์เบราน์กดขี่ข่มเหงอีกต่อไปแล้ว!"
โอคาเบะดีใจมากที่พวกเขาจะได้มีเงินทุนในการวิจัยซะที
"โอคารินนี่ไม่ถูกกับคุณผู้ดูแลเลยนะ"
"กับผู้ชายคนนั้นน่ะ จะ1หมื่นหรือ2พันปีก็ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับชั้นอยู่ดี"
"ก็แค่กลัวเท่านั้นเเหละ"
ดาลุพูดความจริงด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
"จะพูดยังไงก็ช่าง! ตัวชั้นที่เฝ้าดูอนาคตอยู่ในขณะนี้ไม่มีกลัวใครอีกแล้ว!"
"อ๊ะ คุณเบราน์อยู่ข้างหลัง"
"อี๊!"
โอคาเบะสะดุ้งทันทีเมื่อดาลุแกล้งบอกว่ามิสเตอร์เบราน์ศัตรูคู่อาฆาตตลอดกาลอยู่ข้างหลัง

"อ๊ะ โอคาริน เมื่อกี๊ตกใจสินะ"
มายูริรู้สึกตลกกับท่าทีของโอคาเบะเมื่อกี๊
"ไม่ได้ตกใจซะหน่อย! ชั้นไม่ได้ตกใจเลยซักนิด!"
"โอคารินน้ำตาเล็ดเลย"
ดาลุพยายามซ้ำเติม
"ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า!!"
"เอะอะกันเสียงดังแบบนี้ เดี๋ยวคุณผู้จัดการก็ขึ้นมาจริงๆหรอก"
เมื่อได้ยินที่มายูริเตือน ทั้งสองคนก็สงบเงียบขึ้นทันที

ใน เวลาต่อมา โอคาเบะได้ไปส่งมายูริกลับบ้านที่สถานีรถไฟ เขาพยายามย้ำมายูริเหมือนเด็กๆว่าให้กลับบ้านดีๆและอย่าตามคนเเปลกหน้าไปไหน มาไหน มายูริก็บอกว่าเธอไม่ใช่เด็กๆแล้ว และขอบคุณโอคาเบะก่อนหายเข้าไปในกลุ่มฝูงชนในสถานี
โอคาเบะได้กลับมา ที่แล็ปและคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว แต่ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ได้ดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของห้องที่ปิดม่านอยู่
โอคาเบะจึงค่อยๆเปิดม่านเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"น่ะน่ะน่ะ.. นี่มันอะไรก๊านนนนนนนน!!"

เจ้าของเสียงที่กำลังโวยวายนั้นคือมากิเสะที่กำลังพัฒนาสิ่งประดิษฐ์อยู่คนเดียว แต่เธอได้พักมาเปิดดูไฟล์จากเครื่องคอมของดาลุ
ซึ่งเป็นวีดีโอที่มีพวกมากิเสะ มายูริ เฟริส กำลังใส่ชุดเมดหูแมวและเชิดชูดาลุประหนึ่งยอดชายคนเดียวในโลก
มากิเสะสะดุ้งตกใจเมื่อรู้ว่าโอคาเบะแอบดูอยู่ข้างหลัง และพยายามแก้ตัวเรื่องสิ่งที่โอคาเบะเห้นในจอคอมเมื่อกี๊
แต่โอคาเบะกลับคิดว่านั่นคือเกมที่มากิเสะกำลังสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งประ ดิษย์ลำดับที่12

ดาลุได้ยินเสียงพวกโอคาเบะโวยวายเสียงดังจึงตื่นขึ้นมาบ่นว่าเกิดอะไรขึ้น
มากิเสะที่กำลังโมโหดาลุที่เเอบสร้างเกมที่พวกเธอเป็นแบบอันน่าอับอายไว้
จึงขอตัวจรลีบ้านด้วยความอารมณ์เสีย
เช้าวันต่อมา เมื่อโอคาเบะตื่นขึ้นมาก็พบว่ามากิเสะได้เข้ามาแล็ปเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่อแล้ว
โอคาเบะจึงได้พูดกวนประสาทแกล้งมากิเสะ แต่มากิเสะกลับไม่เล่นด้วย เเถมยังเริ่มทำท่าโกรธจนโอคาเบะกลัว
แม้แต่จะออกมาคุยโทรศัพท์คนเดียว เขาก็ยังโดนมากิเสะไล่ว่าหนวกหูจนโอคาเบะต้องออกไปข้างนอก

โอคาเบะได้ลงมาเจอมิสเตอร์เบราน์ แต่ในวันนี้มิสเตอร์เบราน์ดูแปลกไปจากเดิม เขาท่าทางอารมณ์ดีไม่ว่าอะไรเลย
แถมยังมีเรื่องมาขอให้โอคาเบะช่วยด้วย สาเหตุที่แท้จริงคือมิสเตอร์เบราน์จะพานาเอะไปเที่ยวเยี่ยมครอบครอบครัวกันตามประสา
มิสเตอร์เบราน์เลยอยากรบกวนโอคาเบะให้คอยดูแลร้านเขาด้วยอีกคน
เมื่อ มิสเตอร์เบราน์กับนาเอะได้จากไปแล้ว โอคาเบะก็ได้คิดว่าเรื่องที่มิสเตอร์เบราน์กลับไปเยี่ยมญาติแบบนี้จะมีส่วน เกี่ยวข้องอะไรกับDเมล์รึเปล่า แต่ในระหว่างที่โอคาเบะกำลังเดินคิดอยู่ในอากิบะ เขาก็ได้รับเมล์มาอย่างต่อเนื่องจากคนที่เขาไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่ แต่ในเมล์ฉบับสุดท้ายนั้นกลับมีประโยคสั้นๆแค่คำว่า "ตอนนี้น่ะ" ทำให้โอคาเบะสงสัยว่ามันหมายความว่ายังไง
"ตอนนี้น่ะ ฉันอยู่ข้างหลังเธอ"
"ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!"

โอคาเบะตกใจในเสียงอันนุ่มลึกชวนสยองเหมือนได้เจอผีอยู่ข้างหลังตอนกลางวันแสกๆ
เจ้าของเมล์และเสียงที่ว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โมเอกะ ที่เห็นโอคาเบะและได้เข้ามาทักทาย
"ทะ.."
"ตกใจเหรอ?"
"ทะ.."
"ทะ..?"
โมเอกะเริ่มสงสัยว่าโอคาเบะอยากพูดอะไร
"ทำอะไรของเธอน่ะ คิดจะทำอะไรกันแน่!"
"ก็เห็นเธออยู่"
โมเอกะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมทำท่าเหมือนรู้สึกผิดเล็กน้อย
"เห็นแล้วเธอต้องทำให้ตกใจด้วยรึไงฟะ?!"
"ตกใจเหรอ?"
"ไม่ได้ตกใจเฟ้ย!"
ในที่สุดโมเอกะก็ได้คำตอบที่เธอตถามโอคาเบะเมื่อกี๊ซะที
แม้จะเป็นคำตอบที่ดูปากไม่ตรงกับสภาพที่เห็นก็ตาม
"แล้วทำไมเธอไม่รู้จักพูดให้เร็วกว่านี้ซะทีล่ะ ห๊ะ! หรือว่าเธอเป็นคนขององค์กรจริงๆสินะ?!"
"องค์กร?"
"จะทำเป็นไม่รู้เรื่องไปก็เปล่าประโยชน์น่า! ถ้าลองคิดถึงการพิมพ์เมล์ได้รวดเร็วถึงขนาดนั้นแล้ว
พลังที่เธอได้มาคงจะเป็น Lighting Speed สินะ! บอกมาซะดีๆ เธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่"
"ฉันแค่... อยู่ตรงนี้อยู่แล้ว"
"อะไรนะ?!"
ดู เหมือนจะเป็นความผิดของโอคาเบะเองที่มองไม่เห็นเธอตั้งแต่แรก แต่โมเอกะก็ได้หันไปพิมพ์ตอบในเมล์ว่าเธอขอโทษที่ทำให้ตกใจ ด้วยความที่รำคาญที่ต้องมาคอยเปิดเมล์ดูทั้งๆที่คนส่งอยู่ตรงหน้า บวกกับความอายที่หน้าแตกเข้าใจผิด โอคาเบะจึงคิดจะปลีกตัวจากโมเอกะโดยบอกว่าเขามีธุระ แต่โมเอกะก็ได้ส่งเมล์ถามว่าธุระอะไร แถมพอโอคาเบะพยายามที่จะหาเรื่องมาตอบแบบเนียนๆ
เขาก็โดนโมเอกะส่งเมล์มาบอกว่าเธอมีธุระและขอตัวไปก่อนซะเอง...
สุดท้ายโอคาเบะก็ต้องมาที่ร้านเมย์ควีน ก่อนจะเข้าร้านเขาก็ได้ชนกับชายคนหนึ่งเข้า

ชายที่โอคาเบะชนนั้นเป็นคนผิวคล้ำ ใส่แว่นกันแดดและท่าทางเป็นนักเลงมาก
แต่ชายผู้ที่ดูดำทั้งตัว ได้เตือนโอคาเบะว่าอย่าเข้าร้านแย่ๆแบบนี้จะดีกว่า
ซึ่งชายคนนี้ก็ยังบ่นเรื่องร้านเมย์ควีนต่อเหมือนไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะจากไป
แต่คำพูดโดยรวมของเขานั้นค่อนข้างจะไร้สาระไปซักหน่อย

โอ คาเบะได้เข้าไปที่ร้านเมย์ควีนตามปกติเพื่อพบกับมายูริและเฟริส หลังการต้อนรับตามธรรมเนียมของร้าน
โอคาเบะก็ได้ถามพวกมายูริว่าเมื่อกี๊มีผู้ชายผิวคล้ำท่าทางเเปลกๆเข้ามาในร้านรึเปล่า
แต่มายูริก็นึกไม่ออก มายูริจึงลองถามเฟริสดู แต่เฟริสกลับเงียบไปและทำท่าจริงจังขึ้นเหมือนนึกอะไรออก
"บางทีคนคนนั้น
อาจจะเป็นพี่ชายที่พลัดพรากกับเฟริสในการเดินทางฝึกฝนเมื่อ10ปีก่อนก็ได้นะเมี๊ยว!"
เฟริสเริ่มเล่าประวัติอันชีวิตโชกโชนของเธอกับพี่ชายให้ฟัง โอคาเบะจึงพยายามถามมายูริเพื่อความแน่ใจ
แต่มายูริบอกว่าไม่เคยเห็นพี่ชายของเฟริสมาก่อน โอคาเบะจึงพอจะเข้าใจแล้ว
และฟังเรื่องเล่าเคล้าน้ำตาของเฟริสที่พี่ชายได้กลับมาตามหาเธอต่อไป

"แย่แล้วล่ะเมี้ยว! ต้องรีบตามไปแล้ว เคียวม่ะ ช่วยบอกหน่อยเถอะว่าเขาอยู่ที่ไหน!"
"ชั้นทำไม่ได้หรอก"
"ทำไมล่ะเมี้ยว?"
"เพราะชั้นสัญญากับเค้าไว้ไงล่ะ!"โอคาเบะเริ่มบ้าบอตามเฟริสไปด้วยอีกคน
"สัญญางั้นเหรอ ถ้างั้นเคียวม่ะก็รู้เรื่องนี้แล้วปิดปากเงียบไม่ยอมบอกมาตลอดเลยงั้นเหรอเมี้ยว?
โหดร้ายที่สุดเมี้ยว! ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันล่ะเมี้ยว! เคียวม่ะบ้าที่สุด!"
"ขอโทษนะ เฟริส!!"
แม้จะต้องแบกรับชะตากรรมที่น่าเศร้าเอาไว้คนเดียว
แต่สัญญาของลูกผู้ชายนั้นคือสิ่งที่เชื่อมโยงความเชื่อใจกันของเหล่าชาย
ทำให้โอคาเบะไม่สามารถบอกเฟริสในสิ่งที่เธอต้องการได้แม้ว่าเขาจะถูกเกลียดก็ตาม
ไม่นานนักทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เฟริสกลับมาร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โอคาเบะได้นึกถึงเรื่องคนที่คิดจะซื้อสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาที่มายูริเคยบอกไว้เมื่อวาน
แต่มายูริเองก็บอกว่าวันนี้ยังไม่เห็นคนดังกล่าวเข้ามาที่ร้านเหมือนกัน
โอคาเบะจึงชวนมายูริคุยเรื่องอื่นต่อเพื่อที่มายูริจะได้ไม่ต้องคิดมาก
"จะว่าไป ช่วงนี้ยุ่งมากงั้นเหรอ?"
"อืม ต้องทำงานที่นี่ และกลับไปทำการบ้านด้วย
ไหนจะต้องทำชุดคอสเพลย์สำหรับงานคอมิม่าด้วย ยุ่งมากเลยล่ะ"
งานคอมิม่าที่มายูริพูดถึงก็คืองานคอมิคมาเก็ตที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดงานสำหรับเหล่าโอตาคุผู้คลั่งไคล้ในในการ์ตูนอนิเมะ
ซึ่งมายูริก็ได้ไปเที่ยวและแต่งตัวเป็นตัวการ์ตูนที่งานนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนสิ่งที่โอคาเบะสงสัยจะไม่ใช่เรื่องนี้
"ชั้นไม่ได้พูดถึงเธอ ชั้นหมายถึงเฟริสต่างหาก"
"เฟริสจังน่ะเหรอ?"
"อะไรเหรอๆ หรือว่าพูดถึงเฟริสอยู่งั้นเหรอเมี้ยว?"
เฟริสหูไวราวกับว่าที่คาดหัวหูแมวบนหัวของเธอนั้นช่วยให้ได้ยินเสียงดีเหมือนแมวจริงๆ
"หึหึหึ ถ้าใช้ความสามาถ Hearing Inferno ของเฟริส เรื่องแค่นี้สบายมากเลยเมี้ยว
แล้วพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอเมี้ยว?"
"คือว่านะ โอคารินเห็นว่าเฟริสจังท่าทางเหนื่อยๆรึเปล่าน่ะ"
"เมี้ยว? หรือว่าเคียวม่ะเป็นห่วงเฟริสงั้นเหรอเมี้ยว์"
"เป็นห่วงงั้นเหรอ? 555555 พูดอะไรของเธอน่ะ
โฮวอิน เคียวม่ะคนนี้น่ะเหรอจะเป็นห่วงลูกน้อง น่าขำจริงๆ!"
โอคาเบะพูดด้วยความยิ่งใหญ่และตอกย้ำเฟริสเหมือนว่าเขาดีใจซะอีกที่เขาเห็นเฟริสกำลังเศร้า
และเค้าจะยินดีอย่างมากถ้าเห็นเฟริสเศร้าไปมากกว่านี้
"เคียวม่ะใจดีจังเลยเมี้ยว!"
"ห๊ะ!"
"แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะเมี้ยว เฟริสน่ะเข้มแข็งเสมออยู่แล้วล่ะเมี้ยว!"
"นี่เธอไม่ได้ฟังที่ชั้นพูดเลยเรอะ?!"
"เมี้ยวเมียวเมี้ยวเมียวเมียว~"
เฟริสเริ่มฮัมเพลงโดยไม่สนใจ
"เฮ้ย มายูชี่เหมียวๆ เธอเองก็พูดอะไรบ้างเซ่!"
"ใช่แล้วล่ะ เฟริสจังเข้าใจแล้วสินะว่าโอคารินเป็นคนที่ใจดีจริงๆน่ะ มายูชี่ดีใจมากเลยล่ะ"
"งั้นมายูชี่ก็มาร้องด้วยกันนะเมี้ยว!"
"เข้าใจแล้วเมี้ยว!"

"เมี้ยวเมียวเมี้ยวเมียวเมียว~"
ว่าแล้วสองสาวก็บรรเลงเพลงแมวเหมียวโดยไม่สนใจโอคาเบะเลย

ตก เย็นโอคาเบะกลับที่ห้องเเล็ปและพบมากิเสะนอนสลบจากการทำงานอยู่บนโซฟา เขาจึงลองเอาหูฟังที่ดาลุเอาไว้ใช้เล่นเกมไปใส่ให้มากิเสะดู แต่มากิเสะก็หลับสนิทไม่รู้สึกตัวอะไร ไม่นานนักมายูริก็ได้มาที่เเล็ปและบอกว่าเมื่อกี๊คุณผู้จัดการหรือคนที่ต้อง การซื้อสิ่งประดิษฐ์ได้มาที่ร้านและคราวนี้สนใจจะซื้อเลยจริงๆ โอคาเบะจึงหัวเราะด้วยความดีใจ ทำให้มากิเสะที่นอนอยู่เริ่มสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาและละเมออะไรบางอย่าง
"อือ.. เอ๊ะ.. โอคาเบะ.. โล่งอกไปที นึกว่าหายไปไหนซะอีก"
"คริสติน่า?"
"อย่าทำให้เป็นห่วงสิ.."
"เฮ้ย พูดอะไรของเธอน่ะ"
"พูดอะไรน่ะเหรอ มันก็.. เอ๊ะ!"
มากิเสะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทันที
"ระ.. หรือว่าเมื่อกี๊ชั้นพูดอะไรเเปลกๆออกไป?"
"พูดมาเต็มปากเต็มคำเลยล่ะ"
"ไม่จริงน่ะ! ฉันพูดอะไร?!"
"พูดว่าชั้นหายไปที่ไหนอะไรนี่เเหละ"
"เเค่นั้น..สินะ? ไมไ่ด้พูดอะไรอีกใช่มั้ย"
"อะไรอีกน่ะเหรอ.. อ้อ ดูเหมือนจะพูดแบบนี้ด้วยนะ"
โอคาเบะเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นมาทันที
"ถึงพรสวรรค์ของฉันจะสู้ท่านโฮวอิน เคียวม่ะไม่ได้ก็ไม่สนใจหรอกค่ะ
ขอให้ฉันได้เป็นขี้ข้าคุณด้วยเถอะนะคะ ยังไงล่ะ!!"
"โกหกชัดๆเลย! ฉันไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่นอน!"
"โกหกซะเมื่อไหร่! เธอเองก็รู้ดีนี่ แม้ภายในความฝันมนุษย์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม
สรุปแล้ว นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของเธอไงล่ะ คริสติน่าเอ๋ย!"
"ไม่ต้องห่วงหรอกนะ คริสจัง คริสจังไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นหรอก"
"มายูริไปบอกทำไม!!"
มายูริได้บอกให้มากิเสะหายห่วงและห้ามไม่ให้โอคาเบะแกล้งมากิเสะไปมากกว่านี้
"โกหกจริงๆด้วยสินะ"
"ยังไงก็ขอโทษนะคริสจัง ส่งเสียงหนวกหูกันจนทำให้ตื่นเลยสินะ"
"ไม่เป็นไรหรอกมายูริ"
มากิเสะพยายามบอกให้มายูริไม่ต้องขอโทษเธอ เพราะมายูริไมไ่ด้ทำอะไรผิด
"ใช่แล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรหรอกมายูริเอ๋ย! คนที่มานอนหลับอุตุตรงนี้ต่างหากล่ะที่ผิด"
มากิเสะกลับไปทะเลาะกับตัวการที่ทำให้เธอตื่นอีกครั้ง และคราวนี้่ท่าทางเธอจะโกรธมากด้วย
"ขี้โมโหจริงๆเลยน้า.. กินแคลเซียมมั่งรึเปล่าเนี่ย?"
"คิดว่าเป็นความผิดของใครกันล่ะ!"
นอกจากนี้มากิเสะยังเพิ่งรู้สึกตัวด้วยว่าเธอมีหูฟังอยู่บนหัว
เมื่อเถียงกันไปเถียงกันมาก็ได้รู้ว่ามากิเสะสร้างสิ่งประดิษฐ์เสร็จแล้ว
เมื่อพูดถึงมัน เธอก็อารมณ์ดีขึ้นและรีบไปหยิบมาให้ดูทันที

สิ่งประดิษฐ์ใหม่ชิ้นที่12นี้เป็นเหมือนนาฬิกาจอใญห่ธรรมดาๆ
แต่ภายในจอนั้นมีสัญลักษ์ ตัวเลข และไฟแปลกๆที่เรียงกันเป็นแถวอยู่
"นี่ คริสจัง นี่เหรอ [หวานใจคนบ้า] น่ะ "
"เดี๋ยวนะ มายูริ ชื่ออะไรล่ะนั่น [หวานใจคนบ้า] นั่นน่ะ"
โอคาเบะอดขำไม่ได้กับชื่อประดิษฐ์คราวนี้ที่มาแปลกเกินไป แต่มายูริก็บอกว่าทุกคนช่วยกันตั้งชื่อให้แลัว
ไม่ว่าจะเป็นสเน่ห์หาหรือเลิฟๆ แต่โอคาเบะเป็นคนบอกเองว่าใช้ชื่อนี้ที่ดาลุตั้งก็ได้
ซึ่งโอคาเบะก็คิดเหมือนกันว่าถ้าเขาตั้งเองคงจะชื่อ Eternal Gadget
โอคาเบะไม่รอช้าที่จะถามถึงวิธีใช้งานทันที มากิเสะจึงบอกว่าให้ใส่ไว้ที่ข้อมือ มันก็ดูเหมือนกับนาฬิกาทั่วไป
แต่มากิเสะพยายามย้ำโอคาเบะว่า ห้ามกดสวิทซ์บนนาฬิกาเด็ดขาด แม้โอคาเบะอยากจะยืนยันว่ามันใช้ได้ผลจริงมั้ย
แต่มากิเสะก็บอกว่าเธอกลัวปัญหาที่จะตามมา ทำให้อยากจะลองแก้ไขมันดูก่อน
โอคาเบะจึงคิดจะพักเรื่องท้าพิสูจน์เอาไว้
"ฮู้วววววว!! มาทันพอดีเลย!"
"หือ?"
[ปี๊บ!]
ทุกคนตกใจกันเล็กน้อยที่ดาลุเข้ามาในห้องอย่างกระทันหัน สาเหตุที่ดาลุรีบร้อนกลับมาก็เพราะเขาจะรีบกลับมาดูอนิเมะตอนเย็น
ที่กำลังจะฉายนั่นเอง ว่าแล้วดาลุก็ไม่รอช้า ขอมากิเสะใช้คอมทันที
แต่มากิเสะกลับมีท่าทางโกรธหนักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
"นายนี่มัน.. ทำไมถึงทำแบบนี้นะ ตาบ้า!!"
"เอ๊ะ?"
ทุกคนตกใจที่อยู่ๆมากิเสะก็โวยวายขึ้นมา
"นายรู้รึเปล่าว่าทำอะไรลงไป?!"
"เอ๊ะ? ผมเหรอ? ผมเหรอ?"
ดาลุจะรู้สึกผิดก็ไม่แปลก เพราะเมื่อกี๊เค้าโผล่พรวดพราดเข้ามาในห้อง คงจะทำให้มากิเสะตกใจมากแน่ๆ
แต่มากิเสะก็ยังมีท่าทางโกรธไม่เลิก โอคาเบะเลยพยายามจะพูดให้มากิเสะใจเย็นลงก่อน
"อย่าทำตาขวางอย่างงั้นน่า ขอโทษแล้วก็ยกโทษให้แล้วกันไปดีกว่ามั้ย"
มากิเสะเปลี่ยนเป้าหมายมาหาโอคาเบะทันที และพยายามพูดให้โอคาเบะนึกออก
"สวิทซ์"
"สวิทซ์?"
โอคาเบะพยายามนึกว่ามากิเสะพูดเรื่องอะไร แต่คำใบ้นั้นเหมือนเป็นคำที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อไม่นานมานี้
"เพราะฮาชิดะทำให้ตกใจ นายเลยกดสวิทซ์ของหมายเลข12ไปแล้วยังไงล่ะ!!"
โอคาเบะนึกออกแล้วว่าเขาเผลอทำอะไรลงไป
แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมมากิเสะต้องโวยวายขนาดนั้น
"หมายเลข12นี่หมายถึงสร้าง [หวานใจคนบ้า] เสร็จแล้วงั้นเหรอ?
จะว่าไปก็เอาใส่ไว้ที่ข้อมือด้วยแล้วนี่นา"

บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ทุกคนต่างทำท่าซีเรียสกันหมด
แม้แต่มายูริเองก็ยังพูดอะไรไม่ออก
"ฉันก็บอกแล้วไงว่าถ้ากดสวิทซ์ไปแล้วจะทำให้หมายเลข12ทำงานน่ะ!"
"รู้แล้วน่า ถ้ามีปัญหานักล่ะก็ กดสวิทซ์ไปอีกทีก็พอแล้วนี่นา"
[ปี๊บ]
"ห๊ะ.. ยังไงเนี่ย?"
"โอคาริน เป็นอะไรเหรอ?"
"กดสวิทซ์แล้วไม่เห็นมันมีอะไรเกิดขึ้นเลย"
[ปี๊บ]
โอคาเบะกดสวิทซ์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ
"เปล่าประโยชน์"
มากิเสะบอกให้โอคาเบะตัดใจ
"สิ่งประดิษฐ์คราวนี้มีแต่ปุ่มเปิด ไม่มีปุ่มปิดหรอก"
โอคาเบะพอเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงซีเรียสกัน เมื่อเขาใส่นาฬิกานี้แล้วกดสวิทซ์
เท่ากับว่าเจ้าหมายเลข12นี้จะทำงาน งั้นเขาก็กลับไปแก้ปัญหาง่ายๆด้วยการถอดมันออกก็ได้นี่นา

"ว๊ากกกกกกกก!!"
แต่เมื่อพยายามจะถอดนาฬิกาออก โอคาเบะกลับโดนไฟฟ้าจากนาฬิกาช็อตใส่
ทำให้เขาไม่สามาถถอดมันออกได้ มากิเสะบอกว่าไม่มีทางถอดออกได้
นอกจากนี้ยังไม่มีกุญแจหรือวิธีอะไรมาช่วยให้ถอดออกได้ด้วย
"เฮ้ยขี้ข้า! แล้วเธอจะสร้างมันขึ้นมาทำไมเนี่ย?!"
"ก็นายเป็นคนบอกให้ทำเองนี่นา!!"
โอคาเบะเริ่มโวยวายเหมือนเด็กๆ
เพราะไม่รู้ว่าเจ้านาฬิกาบ้านี้จะช็อตเขาตายเมื่อไหร่
แต่มากิเสะก็บอกว่าเป็นเพราะโอคาเบะใช้Dเมล์ ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
และในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังทะเลาะกันหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆนั้นเอง

"อ๊ากกกกกกกก!! มือชั้น.. มือชั้นนนนนน!!"
ไฟฟ้าจากนาฬิกาได้ช็อตใส่โอคาเบะอีกครั้ง
"โอคารินๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาบ่นว่านาฬิกามันเกรียนแล้วนะ"
ดาลุพยายามเสนอมุขอื่นที่ดีกว่าให้เพื่อนรักที่กำลังโดนช็อต
"ไอ้บ้า!! ตอนนี้มันใช่เวลามา แหง่ก แหง่ก แหง่ก แหง่ก..."
มากิเสะไม่มีทางเลือก เธอจึงบอกให้เขาจับมือเธอเอาไว้ ไม่นานนักไฟฟ้าช็อตก็หยุดลง
มากิเสะเองก็ได้ใส่นาฬิกานี้เหมือนกัน เธออธิบายว่านาฬิกานี้จะตอบรับกับสภาพจิตใจ
ทำให้ผู้สวมใส่ไม่สามารถโกรธหรือทะเลาะกันได้ สรุปว่าต้องให้ผู้สวมใส่อีกคนจับมือกันไว้หรือแสดงความรู้สึกที่ดีต่อกันออกมา
เพื่อไม่ให้โดนนาฬืกาช็อตนั่นเอง
โอคาเบะยังคงไม่ยอมรับมุขตลกบ้าๆนี้และทะเลาะกับมากิเสะอีกครั้ง
มายูริเลยเข้ามาเตือนทั้งสองคนไม่ให้ทะเลาะกันเพราะเดี๋ยวจะโดนช็อตกันอีก
แถม มายูริยังเห็นว่าเป็นเรื่องดีซะอีกที่จะทำให้ทั้งสองคนคุยกันได้ดีมากขึ้น กว่าเดิม แทนที่จะมาทะเลาะกันบ่อยๆ ส่วนดาลุก็ถือว่านี่เป็นการทดสอบสิ่งประดิษฐ์ไปในตัวด้วย พวกโอคาเบะที่ลงหัวจมท้ายกันจึงเปลี่ยนมาช่วยกันคิดหาทางออกในเรื่องนี้กัน ดีกว่า
ใช่แล้ว! Dเมล์! ถ้าส่งDเมล์กลับไปแก้ไขอดีตจะต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่ๆ
พวกโอคาเบะจึงไม่รอช้า รีบไปเตรียมตัวส่งข้อความทันที

แต่โอคาเบะกลับนึกไม่ออกว่าเขาจะส่งข้อความไปในอดีตว่ายังไง
มากิเสะจึงเสนอว่าให้ส่งไปบอกว่าไม่ต้องสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ก็น่าจะเเก้ไขได้แล้ว
ไฟฟ้าจากเครื่องคอมและโทรศัพท์ไมโครเวฟเริ่มทำงาน แต่จนแล้วจนรอดโอคาเบะก็ไมไ่ด้กดส่งเมล์ไป
เขาคิดว่าถ้าส่งไปห้ามสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ จะทำให้สิ่งประดิษฐ์อื่นๆหายไปด้วย
เขาจึงคิดว่าส่งไปบอกว่าไม่ให้สร้างแค่ชิ้นที่12ก็พอ สำหรับมากิเสะแล้วจะยังไงก็ได้
ขอให้โอคาเบะรีบส่งเมล์ไปเร็วๆก่อนที่จะสายเกินแก้
ไฟฟ้าจากเครื่องคอมและโทรศัพท์ไมโครเวฟเริ่มทำงานอีกครั้ง แต่โอคาเบะก็ยังไม่ได้กดส่งเมล์เช่นเคย
มากิเสะเริ่มโมโหเล็กน้อยที่โอคาเบะลีลาไม่รีบจัดการซะที ทั้งนี้เพราะโอคาเบะคิดว่ามีสิ่งประดิษฐ์หมายเลข12อยู่ก็ไม่เห็นเป็นไร
ขอแค่ส่งไปบอกว่าไม่ต้องใส่มันก็พอ เขาจึงพิมพ์เมล์ใหม่อีกครั้ง
ไฟฟ้าจากเครื่องคอมและโทรศัพท์ไมโครเวฟเริ่มทำงานอีกครั้ง แต่แบบนี้มันจะดีแล้วเหรอ
ถ้าส่งกลับไปแก้ไขแบบนี้....
"อ๊า! โธ่เอ๊ยยยย!!"
"อุ๊บ!"
มากิเสะทุบใส่หลังของโอคาเบะที่ยืนอยู่และไม่ยอมส่งเมล์ซักที
มากิเสะที่เริ่มโมโหก็เริ่มพาลว่าเพราะโอคาเบะไม่ยอมส่งDเมล์ซักที
เพราะงั้นให้ส่งเมล์ไปบอกให้ส่งDเมล์ซะ โอคาเบะจึงต้องเขียนเมล์ใหม่ก่อนที่จะโดนวีนเเตกอีก
ไฟฟ้าจากเครื่องคอมและโทรศัพท์ไมโครเวฟเริ่มทำงานเป็นครั้งที่สี่
แต่โอคาเบะก็ยังคงคิดอะไรบางอย่าง และตัดสินใจส่งเมล์ไม่ได้
มากิเสะจึงคิดจะกดส่งเองก่อนที่จะสายเกินไป
"เอามาให้ฉันนี่!"
"ไม่เป็นไร จะส่งเดี่ยวนี้เเหละ"
โอคาเบะตัดสินใจอีกครั้ง เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเพราะเขามีพลังในการจำช่วงเวลาต่างๆได้อยู่
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วโอคาเบะจึงกดส่งเมล์ทันที
........
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น? ดูเหมือนว่าโอคาเบะจะตัดสินใจช้าไปพอสมควร ทั้งสองคนจึงได้เเต่นิ่งเงียบ
มากิเสะฉกโทรศัพท์โอคาเบะไปพยายามกดเมล์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมล์ส่งเข้ามือถือได้ตามปกติอยู่
แต่กลับไม่มีการเปลี่ยนเเปลงของช่วงเวลาเลย
"เป็นความผิดของนายนั่นเเหละ!!"
"ดะ.. เดี๋ยว! ใจเย็นๆก่อน!"
"เป็นแบบนี้แล้วยังจะให้ใจเย็นอีกเหรอ! แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้น่ะ?!"
"ก็บอกให้ใจเย็นก่อนไงเล่า ไม่งั้นมันจะ กระต๊ากกก!!"
"กรี๊ดดดด!!"
สุดท้ายทั้งสองคนก็โดนไฟฟ้าจากนาฬิกาช็อตอีกครั้ง หลังจากนี้คู่คนที่ไม่ถูกกัน คนนึงก็ชอบพูดจากวนประสาท
คนนึงก็ชอบโวยวาย คนบ้าสองคนที่ชอบทะเลาะกันจะต้องอยู่ด้วยกันเหมือนคู่รักหวานใจกันโดยไม่สามารถทะเลาะกันได้อีกแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น