




"จักรวาลเริ่มต้น เเต่ไร้ซึ่งจุดจบ.. ไร้ที่สิ้นสุด..
ดวงดาวเองก็ได้เริ่มต้นอีกครั้ง เเต่พลังที่มีนั้นกลับนำไปสู่การล่มสลาย.. สู่ข้อจำกัด..
ประวัติศาสตร์บ่งบอกว่าผู้ที่โง่เขลามากเท่าใด ก็จะยิ่งฉลาดมากเท่านั้น
นี่คือการเตือนครั้งสุดท้ายสำหรับผู้ที่ยังคิดต่อต้านพระเจ้า"

วันที่ 28 กรกฎาคม ภายในย่านอากิฮาบาร่า
ที่ซึ่งเป็นเเหล่งชุมชนคนหนาเเน่น
เเม้หลายคนจะรู้จักว่าที่นี่นั้นเป็นเเหล่งสินค้าเกี่ยวกับอนิเมมากมาย
เเต่ในอีกนัยหนึ่ง มันก็ยังเป็นย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย เเละในวันนี้เอง
โอคาเบะเเละมายูริก็ได้ฝ่าเเดดอันร้อนระอุเพื่อมาดูการเเถลงข่าวเรื่อง
ไทม์เเมชชีน ของศจ.นาคาบาจิ

ภายในห้องเเถลงข่าวที่ดูปกติสามัญ
ระหว่างที่ยังไม่มีใครมากันมากนัก
ได้เกิดเเรงสั่นสะเทือนบางอย่างมาจากข้างบนตึก
ทำให้โอคาเบะต้องรีบวิ่งขึ้นไปดูเเละพบวัตถุขนาดยักษ์บางอย่างที่ดูคล้ายดาว
เทียมอยู่บนนั้น เเต่ไม่ทันที่เขาจะได้คลายข้อสงสัย
มายูริก็ได้เมล์เรียกตัวเขาให้ไปหาอย่างรวดเร็ว



"อูป้า"
เป็นตัวละครในอนิเมที่มายูริชื่นชอบมาก เเม้โอคาเบะจะทำท่าสั่งสอนมายูริ
เเต่เขาก็หยอด
100เยนลงไปเเละไขลานของตู้กาชาปองเพื่อให้ไข่ที่ใส่ของอยู่ข้างในนั้นหล่นลง
มา โชคดีที่อูป้านั้นเป็นตัวละครที่มีลักษณะกลมอยู่เเล้ว
ทำให้ได้รูปร่างอันสมบูรณ์ของมันทันทีเมื่อเเกะออกมา
มายูริพบว่าอูป้าที่มีสีเงินเเปลกตาที่โอคาเบะกำลังถือด้วยความสงสัยนั้น
เป็น "เมทัลอูป้า" ซึ่งเป็นตัวหายาก
เเละถึงเเม้โอคาเบะจะเป็นคนที่ทำตัวเพี้ยนๆเเละชอบให้มายูริหรือใครๆเรียก
เขาว่า "โฮวอิน เคียวม่ะ" ก็ตาม
เเต่เขาก็ไม่เเล้งน้ำใจที่จะให้เมทัลอูป้านี้กับผู้หญิงที่ทำท่าเหมือนเด็ก
น้อยอยากได้ของเล่นที่อยู่ตรงหน้านี้


ไม่ทันไรก็ได้มีการประกาศว่าจะมีการเเถลง
ข่าวของ ศจ.นาคาบาจิ โอคาเบะเลยต้องกลับไปที่ชั้น8 อีกครั้ง
ภายในห้องที่ศจ.กำลังพูดเรื่อง ทฤษฐีไทม์เเมชชีน ที่เขาค้นพบนั้น
มีคนที่ท่าทางเหมือนนักศึกษาหรือวัยทำงานอยุ่จำนวนหนึ่ง
ซึ่งดูเเล้วไม่ค่อยมีใครเหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่เเต่งตัวได้บงบอกถึงขนาดนี้
นัก ในระหว่างนี้เอง
มายูริได้เมล์มาหาโอคาเบะอีกครั้งเพื่อบอกว่าเธอทำเมทัลอูป้าหายไป
เเต่โอคาเบะก็เพิกเฉยต่อเมล์ของมายูริเพราะว่าในเวลานี้เขาต้องขอต่อว่า
ศจ.ซะก่อน


โอคาเบะไม่รอช้าที่จะรีบโวยวายใส่ศจ.
เมื่อเขาอ่านรายงานจบ
เพราะเขาพบว่าทฤษฐีอ้างอิงของศจ.นาคาบาจินั้นมันเหมือนลอกมาจากการย้อนเวลา
ของ จอห์น ไตเตอร์ ทั้งนั้น เเต่ก่อนที่จะมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้
โอคาเบะก็ถูกผู้หญิงคนนึงเชิญตัวออกไปจากห้อง

พอดูดีๆเเล้ว โอคาเบะก็รู้สึกตัวว่าผู้หญิงผมยาวเเสนสวยที่พาเขาออกมาจากห้องนั้นคือ มากิเสะ คุริสุ
นักวิทยาศาสตร์ที่เคยมีผลงานอันโด่งดังลงในหนังสือ
เเต่ถึงอย่างงั้นเหตุการณ์ก็กลับเลยเถิด
เพราะโอคาเบะได้กล่าวหาว่ามากิเสะเป็นคนของ "องค์กร"
เเต่เมื่อความเเตกเรื่องโทรศัพท์มือถือที่เขาชอบทำท่าเป็นโทรติดต่อกับใคร
บางคนนั้นได้ปิดเครื่องอยู่
โอคาเบะก็เลยหัวเราะเเละหาเรื่องกลบเกลื่อนพร้อมกับปลีกตัวหนีออกมา
ทำให้มากิเสะไม่ทันได้คำตอบที่ต้องการจะถามเลยซักนิด

ระหว่างที่กำลังเเอบอยู่ตรงมุมบันไดทาง
เชื่อมระหว่างชั้น7กับชั้น8 เพื่อไม่ให้นักวิทยาศาสตร์สาวหาตัวเจอ
โอคาเบะก็ได้รับเมล์ปริศนาที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง
เเต่เมล์นั้นกลับเเนบไฟล์มาด้วย
เเต่พอเปิดไฟล์ที่เเนบมาเเล้วกลับพบว่ามันไม่มีอะไรเลยนอกจากจอดำๆเเละเสียง
ซ่าๆเหมือนกับทีวีที่กำลังเสียหรือหาช่องสัญญาณไม่เจอ


มายูริได้มาเจอตัวโอคาเบะเพราะเธอยังคงหาเม
ทัลอูป้าอยู่ที่ชั้น7 เเละเธอก็ได้ขอให้เขาช่วยตามหาเมทัลอูป้า
โอคาเบะเเสดงความโลภออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนเมื่อรู้ว่าเจ้าของเล่นชิ้น
นั้นสามารถนำไปประมูลขายได้มากกว่า 1หมื่นเยน
เเละนั่นมันมากพอที่จะทำให้เขาพัฒนาเเล็ปที่เขาค้นคว้าอยู่ได้
เเต่ไม่ทันที่จะได้ตามหาสมบัติล้ำค่า
พวกเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งที่ชั้น8

เมื่อโอคาเบะขึ้นไปดูยังห้องห้องหนึ่งซึ่ง
เป็นที่มาของเสียงนั้นคนเดียว
เขาก็ได้พบศพของหญิงสาวคนหนึ่งนอนจมกองเลือดจากการถูกเเทงอยู่
ซึ่งลักษณะเช่นนี้เขาจำได้ดีว่าเธอคือ มากิเสะ คุริสุ
ที่เพิ่งคุยกับเขาไปเมื่อซักครู่นี้




เมื่อรู้สึกตัวอีกที โอคาเบะก็ได้ออกมาอยุ่ข้างนอกเเล้ว
เเม้จะมีเมล์เข้ามาเขาเองก็ตกใจจนไม่ทันได้รับ
ท่ามกลางฝูงชนที่ฮือฮากันอยู่ข้างนอกพร้อมกับรถพยาบาลที่กำลังมุ่งหน้ามาทาง
นี้ มายูริได้ออกมาหาเขาพร้อมกับถามถึงอาการที่ดูไม่สู้ดีนัก
การพบเห็นเหตุฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาเเบบนี้
ทำให้โอคาเบะลนลานที่จะรีบกลับไปยังเเล็ปพร้อมกับส่งเมล์หา ดาลุ
เพื่อนของพวกเขา เพื่อบอกให้รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น



โอคาเบะพยายามวิ่งไปในเมืองที่ไร้ผู้คน
เรื่อยๆนี้เรื่อยๆ จนเขาได้พบเสียง "ตึ๊ดตือดือ~" อันคุ้นเคย
เเละเขาก็พบมายูริที่เป็นเจ้าของเสียงนั้นอยู่ตรงหน้า
พร้อมกับยื่นเครื่องดื่ม "Dk pepper" ให้เขา
เเต่การที่พบมายูริเพียงคนเดียวนั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
เพราะดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกคนได้หายตัวไป
เเต่ท่าทีของมายูริที่ตอบคำถามของเขากลายเป็นว่าตัวเขาเองที่มองไม่เห็นคน
อื่นเลยต่างหาก

เเละโอคาเบะก็พบว่าตัวเขาได้วิ่งกลับมาถึง
ตึกวิทยุที่เขาตั้งใจมาก่อนหน้านี้
เเต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้นคือดาวเทียมที่เคยอยู่บนชั้นดาดฟ้า
นั้นตอนนี้มันมีสถาพเหมือนกับตกลงมาจนทำให้ชั้น8เสียหาย
เรื่องราวทั้งหมดนี้มันคืออะไรกันเเน่?
ดูเหมือนโอคาเบะจะภูมิใจในเเล็ปเเละลูกทีมของเขามาก เพราะในเวลาต่อมา
หลังจากที่เขากลับมาที่ห้องเเล็ปเเล้วเขาก็ได้เเนะนำตัวสมาชิกในเเล็ปให้ใคร
คนหนึ่งฟัง
เเต่สมาชิกนอกจากเขาเเล้วก็มีเพียงมายูริกับดาลุที่เอ็นเเฮกเกอร์เท่านั้น
เอง เเละเเม้ว่ามายูริจะคิดว่าชื่อ "โอคาริน"
ที่เป็นชื่อเล่นที่เธอเรียกโอคาเบะจะดูน่ารักดี
เเต่โอคาเบะ็ไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะเขาบอกว่าเขาคือ โฮวอิน เคียวม่ะ ส่วน
โอคาเบะ รินทาโร่ นั้นกลายเป็นชื่อปลอมไปซะเเล้ว





โทรศัพท์ไมโครเวฟคือสิ่งที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นมาโดยการใช้
โทรศัพท์เป็นตัวตั้งเวลาโดยมีเสียงมายูริที่บันทึกไว้เป็นเสียงโปรเเกรม
โอคาเบะไม่รอช้าที่จะให้เจ้ากล้วยที่ถูกเลือกนี้มุ่งหน้าสุ่อนาคตในอีก
120วินาทีข้างหน้า
เเละเเน่นอนว่าผลลัพธ์มันออกมามันเละเทะจนเป็นกล้วยที่กินไม่ได้ เเละนี่คือ
เจล-บานาส ที่ว่านั่นเอง

เเม้วันนี้จะมีอากาศร้อนระอุ เเต่โอคาเบะกับดาลุก็ต้องฝ่าแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาอย่างไม่เกรงใจเพื่อไป ยังที่เเห่งหนึ่ง ในสภาพอากาศเเบบนี้ทำให้ดาลุคิดว่าถ้าเขาไปหา เฟย์ริสตัน (เติม ตัน ให้น่ารัก) ที่ร้านเมดคาเฟ่คงทำให้เขาเย็นกายสบายใจได้มากกว่า

ในระหว่างที่กำลังขึ้นลิฟต์
โอคาเบะนึกออกว่าเขาได้ส่งเมล์ไปให้ดาลุเมื่อเช้านี้
เขาจึงขอโทรศัพย์ดาลุดู เเละพบว่าเขาได้ส่งข้อความไปหาดาลุเมื่อวันที่
23ซึ่งเป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่เเล้วในเวลา 12.56น.
เเถมเขาส่งไปหาโดยที่ไม่มีหัวข้อพร้อมกันทั้ง 3ฉบับ
ซึ่งน่าเเปลกที่เขาได้ส่งหัวข้อ "เเย่เเล้ว" ให้ดาลุเมื่อเช้านี้
เเละเมื่อเขาเช็คที่กล่องข้อความของตัวเอง เขาก็พบว่าข้อความ "เเย่เเล้ว"
ที่เขียนขึ้นเมื่อเช้าในวันที่28ของเขาได้หายไปเเล้ว

เเละคงไม่มีอะไรทำให้เขาตกใจมากไปกว่านี้เมื่อประตูลิฟต์ได้เปิดออกเเละพบ
ว่า มาิกิเสะ คุริสุ ที่น่าจะถูกฆ่าตายไปเมื่อเช้า
ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ได้ยังไง........





ถึงโอคาเบะจะพยายามโต้ตอบกับใครคนหนึ่งที่มีรูปปร่างเหมือนแกะเเต่ด
ันมีใบหน้าเป็นตาเเก่หน้ตาย เเต่เหมือนว่าเจ้าเเกะตัวนี้จะไม่ตอบอะไร
เพราะมันเป็นเพียงเเค่จอทีวีเท่านั้น
ดาลุคงจะชินเเล้วกับความบ้าๆบอๆของโอคาเบะ
เขาเลยใช้ปืนเลเซอร์ที่เขาประดิษย์ขึ้นเพื่อเปลี่ยนทีวีไปดูช่องข่าวที่
กำลังมีเรื่องดาวเทียมตกลงมาที่อกิบะในตอนนี้
ทำให้โอคาเบะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า
เขายิ่งไม่เข้าใจที่มายูริบอกเขาว่าเขาพาเธอมายังที่เกิดเหตุเพราะเขาเห็น
ดาวเทียมตกในทีวีเเละบอกว่าพวกองค์กรเริ่มเคลื่อนไหวเเล้ว
ทั้งๆที่เมื่อเช้าเขาพามายูริไปเป็นเพื่อนฟังการเเถลงข่าวของ
ศจ.นาคาบาจิเเท้ๆ


ไม่ว่าโอคาเบะจะพูดยังไง
ดูเหมือนว่าการเเถลงข่าวเมื่อเช้าจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ทำให้เขาคิดเพ้อไปเองว่าเขาถูกองค์กรควบคุมสมองเเละทำให้เขาเป็นตัวเลือกของ
"Steins Gate"


เเต่ดูเหมือนคุณอัลพาก้าเเมน จะโกรธที่ดาลุกดเปลี่ยนช่อง
ทำให้ทีวีเจ้ากรรมดับเอาซะดื้อๆ โอคาเบะเลยต้องเเบกเจ้าทีวีเส็งเคร็งไปหา
มิสเตอร์เบราน์
ด้วยตัวเอง เพราะดาลุไม่อยากใช้เเรงงานเพียงเพราะเห็นว่าตัวเขาอ้วน
เมื่อมาถึงที่ร้านซ่อมทีวี
คุณเท็นโนจิที่เป็นช่างซ่อมก็ต้องเอือมระอากับการที่โอคาเบะชอบเรียกเขาว่า
มิสเตอร์เบราน์ พร้อมกับเอาทีวีเก่าๆมาซ่อมอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทีวีมันเก่าหรือเพราะความผิดของคุณเท็นโนจิที่ซ่อมไม่ดี
ทำให้โอคาเบะถูกเรียกค่าซ่อม 2พันเยน เเละต้องตัดสินใจว่าจะจ่ายหรือไม่


มายูริช่างเป็นเด็กที่รู้ใจ เธอได้ซื้อเครื่องดื่ม "Dk pepper"
มาให้โอคาเบะที่กำลังโทรฟ้องใครบางคนเหมือนทุกทีเรื่องที่เขาเจอคนในองค์กร
อีกเเล้ว ซึ่งคราวนี้เขาเจอคนที่ท่าทางหัวล้านๆเหมือนช่างซ่อมทีวีซะด้วย
เเต่ในขณะที่เขาเห็นมายูริกำลังมองท้องฟ้าอันสว่างสดใสท่ามกลางบรรยากาศร้อน
ระอุ เขากลับนึกถึงมายูริในวันวานที่เเหงนมองท้องฟ้าอันมืดมนหน้าหลุมศพ

เมื่อกลับมาที่เเล็ปอันซอมซ่อ ดาลุก็ต้องยอมให้โอคาเบะใช้ โทรศัพท์ไมโครเวฟ
ที่พวกเขาคิดค้นขึ้น
เเม้โอคาเบะจะหลอกล่อด้วยการเนียนพูดถึงอดีตที่พวกเขาเคยเจอกันเมื่อ
3ปีครึ่งก่อนหน้านี้ เเต่ความจริงเเล้วพวกเขาอยู่คนละห้องกันตอนม.ปลายปี2
เเละได้คุยกันโดยบังเอิญเมื่อ 2ปีก่อน เเต่รายละเอียดจะเป็นยังไงก็ช่าง
เพราะโอคาเบะบอกให้มายูริเอากล้วยมาทันที เมื่อเขาได้รับอนุญาตให้ใช้
โทรศัพท์ไมโครเวฟ เเล้ว เเต่มายูริก็ไม่ค่อยอยากให้โอคาเบะเอากล้วยไปทำ
เจล-บานาส อีก เพราะกล้วยนี้เธออุตส่าห์เป็นคนเอามากินเเท้













เเม้วันนี้จะมีอากาศร้อนระอุ เเต่โอคาเบะกับดาลุก็ต้องฝ่าแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาอย่างไม่เกรงใจเพื่อไป ยังที่เเห่งหนึ่ง ในสภาพอากาศเเบบนี้ทำให้ดาลุคิดว่าถ้าเขาไปหา เฟย์ริสตัน (เติม ตัน ให้น่ารัก) ที่ร้านเมดคาเฟ่คงทำให้เขาเย็นกายสบายใจได้มากกว่า




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น